TokyoStockExchange

นายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นผ่านการสะท้อนจากผู้จัดการกองทุนและตัวแทนจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) โดยชี้ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นเริ่มกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง หลังจากเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัวแข็งแกร่ง และการปฏิรูปโครงสร้างภาคธุรกิจช่วยปลดล็อกมูลค่าระยะยาว เสนอให้นักลงทุนไทยพิจารณาขยายพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสใหม่ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทั้งนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยบริษัทจดทะเบียนมีความโปร่งใสมากขึ้นและให้ความสำคัญกับผลตอบแทนผู้ถือหุ้นมากขึ้น การปฏิรูปตลาดเพื่อหลุดพ้นจาก Value Trap และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าสู่ตลาด ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของการลงทุนระยะยาว ด้าน Mr.Naohide Une ผู้ก่อตั้ง Investment Lab กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงในตลาดหุ้นญี่ปุ่นในขณะนี้มิใช่เพียงกระแสระยะสั้น แต่เป็นผลจากการปรับโครงสร้างเชิงลึก บริษัทญี่ปุ่นหันมาให้ความสำคัญกับเงินสดสำรองและผู้ถือหุ้นมากขึ้น ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลและตลาดหลักทรัพย์โตเกียว นักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยกลับเข้ามาโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนผ่าน ETFs หรือธีมเฉพาะ เช่น Digital Transformation (DX) และทรัพย์สินทางปัญญา ขณะเดียวกัน Mr.Shin Sawada ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการลงทุนจาก Sumitomo Mitsui Trust Asset Management ระบุว่า ตลาดทุนญี่ปุ่นยังให้การสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรม โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กและกลุ่มเติบโตสูงผ่านเกณฑ์จดทะเบียนใหม่และการเปิดเผยแผนธุรกิจอย่างโปร่งใส พร้อมชูโอกาสจากธีม Green Transformation และกลุ่มสุขภาพ อีกทั้งยังมีทางเลือกลงทุนในหุ้นนอกตลาดผ่านกองทุน Crossover ทั้งนี้ ในส่วนของเครื่องมือ ETFs ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Ms.Kaori Ohmura ผู้จัดการอาวุโสฝ่าย ETF Market Development จาก TSE ระบุว่า ตลาด ETFs ในญี่ปุ่นมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากกว่า 80 รายการ ทั้งในรูปแบบอุตสาหกรรมเฉพาะ ปันผลสูง และธีมการลงทุน ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนรายย่อยและต่างชาติ ถือเป็นทางเลือกที่เข้าถึงง่ายและสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นพ้องว่าการปฏิรูปธุรกิจและการให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นของบริษัทญี่ปุ่น คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง และนักลงทุนไทยควรใช้โอกาสนี้ในการกระจายพอร์ต เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดโลกและมองหาโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว