“ขาใหญ่โบรกสีม่วง” กุมชะตาดีล“พิชญ์”เทนเดอร์ JAS แค่เกมหุ้น?

“ขาใหญ่โบรกสีม่วง” กุมชะตาดีล“พิชญ์”เทนเดอร์ JAS แค่เกมหุ้น?


แหล่งข่าวจากวงการบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ถึงกรณี นายพิชญ์ โพธารามิก เตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้น หรือ Tender Offer หุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 3 หรือ JAS-W3 ว่า ดีลนี้อาจไม่เป็นไปตามที่มีการตั้งเป้าไว้ โดยอาจมีการซื้อหุ้นเกิดขึ้นในสัดส่วนน้อยนิด พร้อมกับมีโอกาสที่ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นเพียงการสร้างราคาหุ้นให้ดีขึ้นเท่านั้น

ทั้งนี้ มีรายงานอันดับซื้อขายโบรกเกอร์ ประจำวันที่ 19 กันยายน 2559 ปรากฏพบรายชื่อของ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS มียอดซื้อ-ขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.76 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น มูลค่าซื้อ 1.60 หมื่นล้านบาท และ มูลค่าขาย 1.65 พันล้านบาท โดยตัวเลขดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นยอดที่แตกต่างจากยอดซื้อขายปกติของ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ ในแต่ละวัน เป็นอย่างมาก

โดยในวันดังกล่าว (19 ก.ย.) ราคาหุ้น JAS ปิดตลาดที่ระดับ 7.20 บาท ปรับขึ้น 0.55 บาท หรือ 8.27% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.69 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับมูลค่าซื้อจาก SCBS ประกอบกับในวันเดียวกัน มีการประกาศว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เป็นผู้จัดทำคำเสนอซื้อ และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับดีลดังกล่าว จึงทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตว่า มูลค่าซื้อส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น มาจากนักลงทุนที่มีพอร์ตกับ SCBS เป็นผู้เข้าซื้อหุ้น JAS หรือไม่

นอกจากนี้ อีกหนึ่งข้อสังเกต คือ มูลค่าซื้อ 1.60 หมื่นล้านบาท มาจากการซื้อของบัญชีนักลงทุนทั่วไปประเภทเดียวแน่นอน เนื่องจากบัญชีการซื้อขายแบบแยกเป็นรายกลุ่มในวันนั้น แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนทั่วไปเป็นผู้ซื้อสุทธิแต่เพียงผู้เดียวกว่า 6.26 พันล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ และต่างชาติ ขายสุทธิออกมาทั้ง 3 กลุ่ม ตัวเลขรวมกันมากกว่า 6 พันล้านบาท ดังนั้นจึงทำให้เชื่อได้ว่า การซื้อหุ้นครั้งนี้เกิดจากนักลงทุนทั่วไปที่มีพอร์ตลงทุนขนาดใหญ่

“ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะวอลุ่มจากไทยพาณิชย์โป่งขึ้นมาอย่างผิดธรรมชาติ อีกอย่างต้องบอกว่า ไทยพาณิชย์ปกติไม่ค่อยมีลูกค้ารายย่อย แต่วันนี้หลายอย่างพิสูจน์แล้วว่า ดีลนี้มีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี คือ ให้นักลงทุนรายย่อยพอร์ตใหญ่มาเปิดบัญชีไว้เพื่อเก็บหุ้น JAS โดยเฉพาะ งานนี้อาจเป็นใครหรือเป็นนอมินีของใครอันนี้ไม่ทราบเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ทุกอย่างดูจะประจวบเหมาะเกินไปจนเหมือนเป็นความตั้งใจ” แหล่งข่าวกล่าว      

ด้วยเหตุผลนี้ การประกาศทำเทนเดอร์ฯหุ้น JAS รวมถึง JAS-W3 ทั้งหมดนั้น มีแนวโน้มเป็นเพียงเรื่องราวสำหรับประกอบการสร้างราคาหุ้นเท่านั้น เนื่องจากเมื่ออ้างอิงตามข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว พบว่า หุ้นส่วนใหญ่นอกเหนือจากส่วนที่ นายพิชญ์ ครอบครองตกไปอยู่ในพอร์ตของนักลงทุนที่เปิดไว้กับ SCBS โดยหากคำนวณจำนวนหุ้น JAS จากมูลค่าซื้อ 1.60 หมื่นล้านเท่ากับสามารถซื้อได้ราว 2.22 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 32% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด (ต้นทุนสมมุติ 7.20 บาท)

“เสมือนเป็นการเก็บหุ้นมาพักไว้ที่นี่ก่อน และหากไม่มีแผนขายออกมา พอถึงตอนทำเทนเดอร์ฯก็เหลือหุ้นให้ซื้อแค่นิดเดียว และไม่ต้องไปกู้เงินถึง 4 หมื่นล้านด้วย เพราะหุ้นที่เหลืออยู่ให้เทนเดอร์ฯอาจเหลือคิดเป็นแค่ไม่กี่พันล้าน คนให้กู้ก็ปล่อยตามสัดส่วนที่เทนเดอร์ฯมาได้ แต่สิ่งสำคัญคือ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาเยอะจากประกาศเรื่องนี้ ดูแล้วประโยชน์มองเห็นอยู่ข้อเดียว คือ หุ้นขึ้น แล้วที่ว่าจะซื้อทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ยังไงก็ขึ้นอยู่กับคนที่ซื้อไปนั่นแหละ ว่าขายไหม” แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติม  

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานตามการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ แบบ 246-2 ว่า นายพิชญ์ โพธารามิก รายงานการซื้อหุ้น JAS เพิ่มเติมอีก 29.42% เป็นถือรวมทั้งหมด 60.49%และยังได้ซื้อ JAS-W3 เพิ่มเติมอีก 12.06% เป็นถือรวมทั้งหมด 22.33% โดยเป็นการทำรายการผ่าน SCBS ทั้งสิ้น ดังนั้น อันดับซื้อขายโบรกเกอร์ของ SCBS ที่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงถูกเฉลยแล้วว่าเป็นการทำรายการของนายพิชญ์เอง และเกี่ยวข้องกับหุ้น JAS อีกด้วย

ความจริงในเบื้องต้นปรากฏออกมาเช่นนี้แล้ว หากมีความเคลื่อนไหวประการใดเกิดขึ้นในขั้นตอนต่อไป ทางทีมงาน “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จะทำการรายงานให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบต่อไป      

Back to top button