
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวันศุกร์
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ธ.ค.59
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ เมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในทะเลจีน หลังจากมีรายงานว่า เรือรบของกองทัพจีนได้ยึดโดรนใต้ทะเลของสหรัฐในบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐร้องเรียนจีนผ่านช่องทางการทูต นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านของสหรัฐร่วงลงมากกว่าคาดในเดือนพ.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,843.41 จุด ลดลง 8.83 จุด หรือ -0.04% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,437.16 จุด ลดลง 19.69 จุด หรือ -0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,258.07 จุด ลดลง 3.96 จุด หรือ -0.18%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากมีรายงานว่า บริษัทซาโนฟี เอสเอ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของฝรั่งเศส มีความคืบหน้าในการเจรจาซื้อกิจการบริษัทแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์ ผู้ผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.3% ปิดที่ 360.02 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,833.27 จุด เพิ่มขึ้น 14.04 จุด หรือ +0.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,404.01 จุด เพิ่มขึ้น 37.61 จุด หรือ +0.33% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,011.64 จุด เพิ่มขึ้น 12.63 จุด หรือ +0.18%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวก เมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์อย่างคึกคัก หลังจากมีรายงานว่า บริษัทซาโนฟี เอสเอ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของฝรั่งเศส มีความคืบหน้าในการเจรจาซื้อกิจการบริษัทแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์ ผู้ผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,011.64 จุด เพิ่มขึ้น 12.63 จุด หรือ +0.18%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่ง ขึ้นเมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า เรือรบของกองทัพจีนได้ยึดโดรนใต้ทะเลของสหรัฐในบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ และกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 7.6 ดอลลาร์ หรือ 0.67% ปิดที่ 1,137.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 25.7 เซนต์ หรือ 1.61% ปิดที่ 16.215 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 40.5 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 934.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้น เมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ขานรับประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ออกมาส่งสัญญาณว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิต ซึ่งรวมถึงคูเวตและรัสเซีย นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังช่วยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดน้ำมันด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 51.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 55.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดอลลาร์ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และยังได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 117.91 เยน จากระดับก่อนหน้านี้ที่ 118.13 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0270 ฟรังก์ จากระดับ 1.0313 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0438 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับก่อนหน้านี้ที่ 1.0415 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2487 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2423 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7299 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7354 ดอลลาร์สหรัฐ