เช็คสุขภาพ! LPH กำไรปี 60 โตต่อเนื่องชี้รุกเปิด 7 ศูนย์ความเป็นเลิศหนุนธุรกิจ
เช็คสุขภาพ! LPH กำไรปี 60 โตต่อเนื่อง ชี้รุกเปิด 7 ศูนย์ความเป็นเลิศหนุนธุรกิจ ชู 7 โบรกฯดังเชียร์ซื้อสนั่น มองราคาหุ้นยัง Laggard พร้อมชี้ Upside สูงปรี๊ด
เช็คสุขภาพ! LPH กำไรปี 60 โตต่อเนื่อง ชี้รุกเปิด 7 ศูนย์ความเป็นเลิศหนุนธุรกิจ ชู 7 โบรกฯดังเชียร์ซื้อสนั่น มองราคาหุ้นยัง Laggard พร้อมชี้ Upside สูงปรี๊ด
บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH ถือเป็นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมบริการหมวดธุรกิจการแพทย์ที่มีผลงานเข้าตามนักลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะแผนงานธุรกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้ทิศทางผลกำไรปี 2559 และปีนี้มีมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะแนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/59 น่าจะพีคสุดของปี 59 หลังไข้หวัดใหญ่ระบาดหนัก หนุนให้กำไรสุทธิทั้งปี 59 เติบโตมาก ส่วนกำไรปี 60 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากแผนเพิ่มความสามารถในการให้บริการ โดยทางโรงพยาบาลจะทยอยเปิดให้บริการศูนย์โรคเฉพาะทาง (Excellent Center) ที่เหลืออีก 7 ศูนย์ ให้ครบทั้ง 9 ศูนย์ เพื่อขยายพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนและยกระดับการให้บริการในระยะยาว
ไม่พียงเท่านั้นราคาหุ้นยัง Laggard แถมยังมี Upside สูงเพื่อรอผลบวกจากแผนการลงทุนในปัจจุบัน และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดในกลุ่ม จึงไม่แปลกใจที่หุ้น LPH จะเป็นที่สนใจในการลงทุน เพราะขนาด 6 โบรกเกอร์ดังของไทยยังประสานเสียงแนะซื้อหุ้นรายนี้
บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรของ LPH ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 59 คิดเป็น 72.6% ของประมาณการทั้งปี 59 และยังคงประมาณการเดิมโดยช่วงไตรมาส 4/59 เป็นพีคของกำไร หลังฝนตกยาวนานกว่าปีก่อนและอากาศแปรปรวนสูง ทำให้มีโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็ก มือเท้าปาก ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ระบาด โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ
ล่าสุดข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยาพบว่าตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค.59 มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สูงกว่าปีก่อนถึง 2 เท่า และคาดว่าฤดูหนาวตั้งแต่เดือน พ.ย.59-ก.พ.60 จะมีผู้ป่วยถึงเดือนละ 1.65-2.40 หมื่นราย สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จึงทำให้คาดปี 59 LPH จะมีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง 69.6% และจะยังเติบโตต่อเนื่อง 15.3% ในปี 60 ตามประมาณการเดิม หลัง LPH มีแผนเพิ่มความสามารถในการให้บริการ โดยช่วงไตรมาส 1/60 จะมีการย้ายศูนย์เฉพาะทาง 9 ศูนย์จากอาคารเดิมไปเปิดให้บริการที่อาคารใหม่ Excellent Center เพื่อขยายพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนและยกระดับการให้บริการในระยะยาว
LPH เป็นหุ้น Laggard และยังมี Upside สูงสุดในกลุ่ม จากมูลค่าเหมาะสมปี 60 ที่ 11.80 บาท พร้อมคาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ปีนี้ ราว 2.44% สูงสุดในกลุ่ม
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/59 ของ LPH น่าจะโดดเด่นใกล้เคียงกับไตรมาส 3/59 โดยรายได้จากกิจการโรงพยาบาลน่าจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนจากผู้ป่วยที่ยังคงเข้าใช้บริการหนาแน่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเด็กจากการระบาดของโรค ทั้งโรคมือเท้าปากและไข้หวัดใหญ่ ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวขยายตัวสูง
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้เฉลี่ยของผู้ป่วยใน (IPD) และรายได้เฉลี่ยของผู้ป่วยนอก (OPD) ของทั้งปี 59 น่าจะอยู่ที่ 2.4 หมื่นบาท/ครั้ง/เตียง และ 1.7 พันบาท/คน เพิ่มขึ้น 2% จากงวดปีก่อน และ 8% จากงวดปีก่อนตามลำดับ
ส่วนผู้ป่วยประกันตน น่าจะเข้ามาใช้บริการเพิ่มเต็มจำนวนโควตาที่ 1.61 แสนราย จากสิ้นไตรมาส 3/59 ที่มีผู้ป่วยประกันสังคมเข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 1.59 แสนราย โดยในไตรมาส 4/59 LPH น่าจะรับรู้รายได้พิเศษจากประกันสังคมของงวดเดือนม.ค.-มิ.ย.59 เข้ามาเพิ่ม รวมทั้งมีรายได้พิเศษจากเงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลอีกราว 2-4 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการปี 59 ขยายตัวโดดเด่น ทางฝ่ายคงประมาณการรายได้จากกิจการโรงพยาบาลในปี 59 ไว้ที่ 1,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% และประมาณการกำไรปี 59 ที่ 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.5% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นปี 59 อยู่ที่ 24.8% จาก 23.1% ในปีก่อนหน้า
สำหรับปี 60 ในช่วงต้นปี LPH มีแผนจะเปิดให้บริการอาคารใหม่ 6 ชั้น หรืออาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โดยทางโรงพยาบาลจะทยอยเปิดให้บริการศูนย์โรคเฉพาะทาง (Excellent Center) ที่เหลืออีก 7 ศูนย์ ให้ครบทั้ง 9 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์ศัลยกรรมกระดูก ศูนย์สมองและระบบประสาท (คาดจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1/60) ศูนย์ทันตกรรมและศูนย์ตรวจสุขภาพ (คาดจะเปิดให้บริการในไตรมาส 2/60) ศูนย์สูตินารีและศูนย์กุมารเวช (คาดจะเปิดให้บริการใน ไตรมาส 3/60) รวมทั้งเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยในอีก 30 เตียงและห้องตรวจสำหรับผู้ป่วยนอกอีก 80 ห้อง รวมเป็น 210 เตียง และห้องตรวจ 165 ห้อง ทำให้สัดส่วนผู้ป่วยเงินสดมีโอกาสขึ้นมาแตะที่ 55% จากคาดการณ์ 52% ในปี 59
แม้ว่าในช่วงแรกของการให้บริการโดยปกตินั้นต้นทุนคงที่ต่อรายได้จะสูง แต่คาดว่าจะกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นรวมไม่มากนัก เนื่องจากทางโรงพยาบาลมีลูกค้าที่เข้าใช้บริการในศูนย์เดิมก่อนที่จะมีการย้ายและปรับปรุง ตกแต่งให้เป็นศูนย์โรคเฉพาะทางอยู่ก่อนหน้าแล้ว อีกทั้งค่าเสื่อมราคาจากอาคารใหม่น่าจะรับรู้เข้ามาเพียงปีละ 10 ล้านบาท ทำให้ผลการดำเนินงานปี 60 มีโอกาสโตต่อเนื่องได้ ทางฝ่ายคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 60 ไว้ที่ 202 ล้านบาท ขยายตัว 19.8% ตามสมมติฐานรายได้จากกิจการโรงพยาบาลที่ 1,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6%
นอกจากนั้น แม้ผลการดำเนินงานปี 60 จะได้รับแรงกดดันจากค่าเสื่อมอาคารใหม่และการเปิดศูนย์โรคเฉพาะทาง แต่ทว่าทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาลอยู่ในเขตพื้นที่ชุมชน ทำให้มีผู้ป่วยเข้าใช้บริการอยู่หนาแน่น น่าจะกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ ทางฝ่ายยังคงเชื่อว่ากำไรสุทธิปี 60 ของ LPH จะขยายตัวสูงต่อเนื่อง
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า LPH มีแผนการเปิดอาคารใหม่เพื่อขยายกำลังการให้บริการอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า ในระยะสั้นจะเน้นการยกระดับศูนย์การแพทย์เฉพาะทางสู่ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โดยจะเปิดอาคารในช่วงม.ค.60 ซึ่งจะเพิ่มเพดานกำลังการให้บริการผู้ป่วย OPD ได้อย่างน้อยอีก 500 คน/วัน จากเดิม 3,400 คน/วัน หรือเพิ่มขึ้น 14.7% และเพิ่มกำลังการให้บริการผู้ป่วย IPD อีก 30 เตียง จากเดิม 180 เตียง หรือเพิ่มขึ้น16.7% นอกจากนี้ ยังสามารถรับรู้ค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นเนื่องจากมีการเตรียมพร้อมเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีโรคซับซ้อนได้
ขณะที่ในปี 61 LPH มีแผนจะเปิดอาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์แห่งที่ 2 ในช่วงกลางปี และในปี 62 จะมีการเปิด 2 โครงการคือ โรงพยาบาลลำลูกกา ศูนย์พักฟื้นผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
สำหรับผลการดำเนินงานของ LPH ในปี 59 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 66% ตามการเติบโตของรายได้ซึ่งมาจากการเปิดดำเนินการของศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 2 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์โรคตาและเลสิก และศูนย์ความงามและเลเซอร์ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวทำให้อัตราการทำไรขั้นต้นสูงขึ้น การระบาดของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ จากผลของอากาศแปรปรวนในฤดูฝนและฤดูหนาว ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตของบริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจหลักด้านการตรวจวิเคราะห์ทางอาหารและเกษตร คาดว่ารายได้จะเติบโตได้ราว 19% อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นสูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาล รวมทั้งมีการบันทึกกำไรพิเศษจากเงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล ขณะที่หุ้นมี Upside จากราคาปัจจุบัน 22% เพื่อรอผลบวกจากแผนการลงทุนในปัจจุบัน
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จุดเด่นของ LPH คือ การเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 59 ที่ 65% และคาดว่าจะขยายตัวต่อ 24% ในปี 60 เป็นผลจากการขยายกำลังการให้บริการด้านการแพทย์ การเปิดศูนย์รักษาเฉพาะทางซึ่งส่วนนี้ให้มาร์จิ้นสูง และมีงบดุลที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้กำลังมองโอกาสที่จะลงทุนเพิ่ม แม้ว่าดีลโรงพยาบาลเดชาจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ LPH จะยังศึกษาเรื่องการลงทุนเพิ่มทั้งที่เป็นการเข้าซื้อกิจการและการลงทุนใหม่ ทั้งนี้ LPH มีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ และมีความพร้อมด้านการเงินที่จะลงทุน