เสือข้ามถิ่น

  ธนาคารกสิกรไทยเปิดเกมรุกก้าวใหญ่อีกครั้ง ด้วยการเข้าซื้อหุ้น 10% ในธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กที่อินโดนีเชีย ถือเป็นข่าวใหญ่วานนี้ทำให้ราคาหุ้นธนาคารอื่นๆ และดัชนี SET ได้รับอานิสงส์บวกแรงโดยไม่มีมูลค่าซื้อขายคึกคักผิดปกติมารองรับ


พลวัตปี 2017 : วิษณุ โชลิตกุล 

ธนาคารกสิกรไทยเปิดเกมรุกก้าวใหญ่อีกครั้ง ด้วยการเข้าซื้อหุ้น 10% ในธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กที่อินโดนีเชีย ถือเป็นข่าวใหญ่วานนี้ทำให้ราคาหุ้นธนาคารอื่นๆ และดัชนี SET ได้รับอานิสงส์บวกแรงโดยไม่มีมูลค่าซื้อขายคึกคักผิดปกติมารองรับ

รายละเอียดที่ถูกเปิดเผยออกมา จากผู้บริหารของธนาคาร นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ธนาคารเดินหน้ายุทธศาสตร์การเป็นธนาคารแห่งเออีซีบวกสาม ในการขยายเครือข่ายและพันธมิตรให้บริการรองรับการค้าการลงทุนของลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศในอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

การเข้าไปถือหุ้นในธนาคารแมสเปี้ยน (Bank Maspion) ประเทศอินโดนีเซียในสัดส่วน 9.99% ถือว่าเป็นไปตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว     

เขาระบุ (ตามสูตร) ว่า ธนาคารแมสเปี้ยน เป็นธนาคารพาณิชย์เอกชนระดับ BUKU2 ที่มีศักยภาพของอินโดนีเซีย เน้นบริการกลุ่มลูกค้าบุคคล และธุรกิจเอสเอ็มอี มีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ KBANK ในด้านการลงทุนพัฒนาดิจิทัล แบงกิ้ง เพื่อรองรับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยมีสัดส่วนเอ็นพีแอล (NPL) ระดับต่ำประมาณ 0.91% ขณะที่อัตราเฉลี่ยระบบธนาคารพาณิชย์อินโดนีเซียอยู่ที่ 2.93% โดยมีเครือข่ายสำนักงานทั่วประเทศ 51 แห่ง ครอบคลุมเมืองสำคัญของประเทศที่ลูกค้าธนาคารกสิกรไทยเข้าไปทำธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้เข้าถึงการบริการด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ และการให้คำปรึกษาโดยผู้ให้บริการท้องถิ่นที่มีความชำนาญ

ยังระบุข้อดีเพิ่มเติมว่า ธนาคารแมสเปี้ยนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแมสเปี้ยน (Maspion Group) กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของอินโดนีเซีย ดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภท อาทิ ธุรกิจการเงินธนาคาร ค้าปลีก/ค้าส่ง โลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคแบบถาวร อาทิเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องใช้ในครัวเรือน มีฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงทำให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถเชื่อมต่อลูกค้าไทยเข้าไปในห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่คุณค่าของตลาดอินโดนีเซียได้ดียิ่งขึ้นผ่านการให้บริการกับแมสเปี้ยน

การเข้าถือหุ้นในฐานะหุ้นส่วน จึงเป็นการเดินหมากที่ตอบโจทย์ธุรกิจของทั้งลูกค้าและของ KBANK ได้ดีที่สุด

ด้านนายอาลิม มาคุส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มแมสเปี้ยน เปิดเผยว่า ธนาคารแมสเปี้ยน ก็แสดงความมั่นใจว่าการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์กับ KBANK ในครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาบริการร่วมกัน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านดิจิทัล แบงกิ้ง และการให้บริการกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีกับ KBANK จะช่วยยกระดับบริการของกันและกันได้ในอนาคต

ขณะเดียวกันเครือข่ายบริการของแมสเปี้ยนที่ครอบคลุมพื้นที่ธุรกิจสำคัญ ได้แก่ หมู่เกาะสุมาตรา หมู่เกาะชวา หมู่เกาะบาหลี หมู่เกาะสุลาเวสี และหมู่เกาะกาลิมันตัน จะช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าของ KBANK สามารถเข้าถึงบริการและคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซียได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวสอดคล้องกับ KBANK จึงนับเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่ลงตัวสามารถต่อยอดทางธุรกิจระหว่างกันได้ในอนาคต

ในภาพรวม ย่างก้าวของธนาคารกสิกรไทยถือว่าน่าสนใจเพราะ ปัจจุบันอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีประชากรมากถึง 260 ล้านคน เป็นอันดับที่ 4 ของโลก และเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีอัตราการเติบโตของจีดีพีอย่างต่อเนื่องขยับเข้าใกล้มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นหนึ่งในชาติผู้นำกลุ่มที่เรียกว่า E-7 ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตลาดที่มีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลกภายในปี 2563

เพียงแต่คำถามว่าการเข้าซื้อหุ้นที่ราคาสูงกว่าบุ๊คแวลู ของธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ลำดับที่ 76 (จากจำนวนรวมกว่าร้อยราย) ของอินโดนีเชีย มากถึงเกือบ 3 เท่า และมากกว่าราคาตลาดถึง 62% ในตลาดที่ยังไม่คุ้นเคยจริงจังมาก่อน (แม้จะเคยมีพันธมิตรธนาคารท้องถิ่นที่มีอยู่บ้าง) จะคุ้มค่าในเชิงธุรกิจทั้งในส่วนของมูลค่าผู้ถือหุ้นของธนาคารกสิกรไทยเอง หรือในแง่ของลูกค้าที่เป็นธุรกิจไทยที่จะเข้าไปทำธุรกรรมในอินโดนีเซียมากน้อยแค่ไหน เป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อไป

ยุทธศาสตร์ที่ดีนั้น ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีความสำเร็จเสมอไป เพราะว่า รายละเอียดนั้น มีมากมายที่เป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม โดยเฉพาะการเข้าไปถือหุ้นเพียงแค่น้อยนิด ที่ไม่มีอำนาจการบริหารจัดการแต่อย่างใด

บทเรียนจากธนาคารและสถาบันการเงินญี่ปุ่นที่เข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย 2 ทศวรรษมานี้ ที่มีทั้งสำเร็จและล้มเหลวคละเคล้ากันไป ก็น่าจะบอกได้ดีว่า การเป็น “เสือข้ามถิ่น” นั้น ไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่อย่างใด

กระนั้น การทดลองด้วยเงินลงทุนเพียงแค่ไม่ถึง 700 ล้านบาทของธนาคารกสิกรไทยก็ถือเป็นย่างก้าวที่กล้าหาญอย่างมาก ควรแก่การสนับสนุนและเอาใจช่วยให้ลงมือกระทำ เพราะจะได้ทดสอบว่าที่ผ่านมานั้นเป็นแค่เก่งแต่ในบ้าน” อย่างเดียวหรือไม่

Back to top button