BEAUTY เด้ง 4% หลังโชว์กำไร9เดือนทะลุ 867 ลบ. มั่นใจผลงานไตรมาส 4/61 โตต่อรับไฮซีซั่น

BEAUTY เด้ง 4% สวนตลาดฯ หลังโชว์กำไร 9 เดือนทะลุ 867 ลบ. มั่นใจผลงานไตรมาส 4/61 โตต่อรับไฮซีซั่น เร่งปั้มยอดขายตปท.หนุนรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า ล่าสุด ณ เวลา 10.13 น. อยู่ที่ 10 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 4.17% สูงสุดที่ 10.10 บาท ต่ำสุดที่ 9.65 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 431.86 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ล่าสุด ณ เวลา 10.13 น. อยู่ที่ 10 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 4.17% สูงสุดที่ 10.10 บาท ต่ำสุดที่ 9.65 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 431.86 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.46% ทั้งนี้ ราคาหุ้น BEAUTY ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น

โดยนายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 61 มีรายได้รวม 2,844.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,639.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 867.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 821.03  ล้านบาท

ทั้งนี้ผลประกอบการงวด 9 เดือน ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการที่ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ มีการพัฒนาสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ออกจำหน่าย ประกอบกับบริษัทได้มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทุกช่องทาง จึงส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่องทางต่างประเทศ ในส่วนของ Cross Border E-Commerce  มียอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 150 % ขณะที่ยอดขายต่อสาขาเดิม (Same Store Sales Growth ) มีอัตราการเติบโตลดลง 0.50 % เนื่องจากมียอดซื้อจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวลดลง

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,081.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1%เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/61 และเพิ่มขึ้น 1.6% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,064.55 ล้านบาท  มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 328.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/61  และลดลงเล็กน้อย 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 348.20 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ อีกทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐในการกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาคึกคักในช่วงเดือน ธ.ค. 61 ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงขยายช่องทางด้านสินค้าคอนซูเมอร์ในช่องทางโมเดรินด์เทรด เพิ่มขึ้น ออกโปรโมชั่นต่างๆจัดกิจกรรมกับลูกค้าสมาชิก เพื่อกระตุ้นยอดขาย

นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการเร่งยอดขายในตลาดต่างประเทศให้เติบโตสูงขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ขยายช่องทางการจำหน่ายทาง Cross-border e-commerce ซึ่งจะเตรียมเข้าจำหน่ายเพิ่ม 4 แพลตฟอร์มในไตรมาส 4/61 จากเดิมมีจำหน่ายในช่องทางดังกล่าวอยู่แล้ว 5 แพลตฟอร์ม  ประกอบด้วย TMALL  KAOLA VIP  YUNJI  และ JD  ปัจจุบันบริษัทได้รับการจดทะเบียน CFDA จำนวน 4 รายการสินค้าเรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดในประเทศจีน โดยมั่นใจว่ารายได้รวมปี 2561 จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสาขาในประเทศทั้งสิ้น 347 สาขา แบ่งเป็น BEAUTY BUFFET 264 สาขา BEAUTY COTTAGE  76 สาขา BEAUTY MARKET 7 สาขา  อีกทั้งยังมีจุดขาย ณ คิง พาวเวอร์  8 สาขา 22 จุดจำหน่าย  และวางจำหน่ายสินค้าผ่านร้าน 7-ELEVEN จำนวน 650   สาขา

ส่วนตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันจำนวนสาขาที่เป็น Shop License  มีทั้งสิ้น 12 สาขา ส่วนสาขาที่เป็นรูปแบบ Product distributor มีอยู่ใน 4 ประเทศ รวม 131 จุดจำหน่าย   ประกอบด้วย ฮ่องกง 95 จุดจำหน่าย และเริ่มมีการวางจำหน่ายในร้าน SASA เต็มทุกสาขา  อินโดนีเซีย 15 จุดจำหน่าย   ไต้หวัน 19 จุดจำหน่าย  และมาเลเซีย 2 จุดจำหน่าย    ในรูปแบบ Counter Sales จำนวน 2 ประเทศ 13 จุดจำหน่าย ประกอบด้วยพม่า 8 จุดจำหน่าย และลาว 5 จุดจำหน่าย  ซึ่งทุกแห่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

Back to top button