• https://dewanarsitek.id/var/index/
  • https://ept.metropolitanland.com/
  • https://data.pramukajabar.or.id/
  • http://103.206.170.246:8080/visi/
  • https://mpp.jambikota.go.id/
  • https://lms.rentas.co.id/
  • https://utbis.ollinsoft.com/
  • https://bppsdmsempaja.kaltimprov.go.id/
  • https://fmipa.unand.ac.id/
  • https://sptjm.lldikti4.id/banner/
  • mbokslot
  • https://e-journal.faperta.universitasmuarabungo.ac.id/
  • https://link.space/@splus777
  • https://sptjm.lldikti4.id/storage/
  • https://apps.ban-pdm.id/simulasi/hoaks/
  • https://editoriales.facultades.unc.edu.ar/cache/assets/
  • https://dewanarsitek.id/dewan/
  • https://dms.smhg.co.id/assets/js/hitam-link/
  • https://smartgov.bulelengkab.go.id/image/
  • https://app.mywork.com.au/
  • slotplus777
  • https://heylink.me/slotplussweet777/
  • https://pastiwin777.uk/
  • Mbokslot
  • http://103.81.246.107:35200/templates/itax/-/mbok/
  • https://rsjdahm.id/vendor/
  • https://pastiwin777.cfd/
  • https://rsjdahm.id/Vault/
  • https://heylink.me/Mbokslot.com/
  • https://www.intersmartsolution.com
  • https://sikapro-fhisip.ut.ac.id/
  • “เวิลด์แบงก์” คาดศก.ไทยปีนี้โต 2.7% จากบริโภคเอกชน-โครงการลงทุนภาครัฐหนุน

    “เวิลด์แบงก์” คาดศก.ไทยปีนี้โต 2.7% จากบริโภคเอกชน-โครงการลงทุนภาครัฐหนุน


    ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า คาดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 63 จะอยู่ในระดับปานกลาง 2.7% จากปี 62 ที่ขยายตัว 2.5% โดยมองว่าน่าจะได้รับผลบวกจากความต้องการสินค้าส่งออกดีขึ้นเล็กน้อย การบริโภคภาคเอกชนพื้นตัว รวมถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการลงทุนของภาครัฐอย่างจริงจังมากขึ้นในปีนี้

    อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในอนาคตมีแนวโน้มจะเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอมริกาและจีน ส่วนความเสี่ยงระยะสั้นจากปัจจัยภายในประเทศ คือ ความสมานฉันท์ของรัฐบาลร่วมหลายพรรคการเมืองที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

    หากมองปัจจัยด้านบวก ภาคการส่งออกของไทยอาจได้รับประโยชน์จากความไม่แน่นอนของนโยบายที่เกี่ยวข้องกับความตึงเครียดทางการค้าที่บรรเทาลง, การดำเนินโครงการลงทุนภาครัฐและโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) ที่สำคัญสามารถช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโต และลดความอ่อนไหวในกลุ่มนักลงทุนได้ในระยะสั้นและระยะปานกลาง

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากภาครัฐบริหารจัดการลงทุนโครงการเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปด้วยการที่ภาครัฐกำลังริเริ่มดำเนินการเพื่อคุ้มครองครัวเรือนที่เปราะบางนั้น ภาครัฐควรพิจารณาวิธีที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อการคุ้มครองทางสังคมที่ตรงเป้าหมายดียิ่งขึ้น

    เวิลด์แบงก์ ระบุในรายงาน “ตามติดเศรษฐกิจไทย:ผลิตภาพเพื่อความมั่งคั่ง”ว่า หากแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยยังคงเหมือนเดิมต่อไป โดยที่การลงทุนและผลิตภาพไม่มีท่าทีจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแล้วนั้น เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยต่ำกว่า 3%

    “การที่ประเทศไทยต้องการบรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงให้สำเร็จภายในปี 2580 นั้น ประเทศไทยต้องมีเศรษฐกิจที่เติบโตสูงกว่า 5% อย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง ซึ่งต้องอาศัยผลิตภาพที่เติบโตในอัตรา 3% ต่อปี และเพิ่มการลงทุนเป็น 40% ของ GDP” นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส เวิลด์แบงก์ ระบุ

    Back to top button