
น้ำมันดิบปิดร่วงหลังดอลล์แข็งค่า-วิตกอุปทานพุ่ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงเนื่องความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 1.07 ดอลลาร์ ปิด (13 ส.ค.) ที่ 42.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 44 เซนต์ ปิดที่ 49.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้ มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5%
สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 101,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับเฉลี่ย 31.51 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า หากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้อิหร่านสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นด้วย