เทกระจาดแบงก์

หุ้นกลุ่มธนาคารกลับมาถูกเทขายกันอีกครั้ง


หุ้นกลุ่มธนาคารกลับมาถูกเทขายกันอีกครั้ง

ปัจจัยลบจาก คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ไปหารือกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย หรือเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย หรือพักหนี้ ให้ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย

ข่าวนี้แม้ยังไม่มีความชัดเจนออกมา

แต่นักลงทุนต่าง “ปรับพอร์ต” ลดความเสี่ยงกันไปก่อน

พาเหรดกันขายหุ้นแบงก์กันออกมาจ้าละหวั่น

วานนี้เราจึงเห็นหุ้นกลุ่มธนาคาร เข้ามากดดันดัชนีภาพรวมให้ปิดในแดนลบ

แบงก์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง BBL SCB KBANK และ SCB วูบถ้วนหน้า

หุ้นต่างถูกสาดออกตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้าทันที

ระหว่างวันราคาแทบไม่ผงกหัว

และมาปิดตลาดในแดนลบทั้งหมด

BBL ปรับลง 1.86%, KBANK ปรับลง 1.72% และ SCB ปรับลง 1.32%

ส่วนกรุงไทย หรือ KTB ลงมานิดหน่อย 0.96%

หุ้นกลุ่มแบงก์ ราคาเพิ่งจะรีบาวน์ขึ้นมาได้เล็กน้อยก่อนหน้านี้

หลังมีนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2564 ที่จะประกาศกันในช่วงต้นสัปดาห์หน้า หรือระหว่างวันที่ 19-21 ก.ค.2564

BBL กับ KBANK ถูกคาดหมายว่า กำไรจะออกมาดี

โดยเฉพาะ KBANK กำไรน่าจะเติบโตกว่า 300% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563

คือ ไตรมาส 2 ปีก่อน ทาง KBANK ตั้งสำรองฯ สูงมาก และไตรมาสถัด ๆ มาได้ตั้งสำรองฯ ระดับสูงต่อเนื่อง

พอมาถึงปีนี้ จึงตั้งสำรองฯ ลดลง ทำให้กำไรกลับมาโดดเด่น

เช่นเดียวกับทางด้าน BBL ที่ตั้งสำรองฯ สูง คล้ายกับ KBANK

นักวิเคราะห์ ประเมินว่า จากมาตรการล่าสุดที่เป็นมติ ครม.

หากแบงก์พาณิชย์เอกชนต้องพักหนี้จริง

อาจจะยังไม่ส่งผลกระทบโดยทันที

สาเหตุเพราะงบยังมีการบันทึกรายได้จากดอกเบี้ยอยู่ แม้จะมีการพักชำระหนี้ก็ตาม

ทว่าดอกเบี้ยก็ไม่ได้หยุดตาม

ดังนั้นผลประกอบการยังคงไม่ได้รับผลกระทบในทันที

แต่ภายหลังจากการพักชำระหนี้แล้ว หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ในส่วนที่ลงบันทึกเป็นรายได้ไว้ก่อนหน้านี้ก็จะต้องตัดออกไป และต้องตั้งสำรองเพิ่ม

และแน่นอนว่า จะส่งผลต่องบแบงก์หลังจาก “หยุดพักชำระหนี้”

ปัจจัยกดดันล่าสุดนี้

ยังไม่รวมกับที่นายกรัฐมนตรี ให้แบงก์ชาติออกประกาศปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลลงมาอีก

หลังจากที่เคยปรับลดลงมาแล้วในช่วงโควิด-19 ระบาดใหม่ ๆ เมื่อ 1 ปีที่แล้ว

แต่เรื่องนี้ยังไม่มีความคืบหน้า

และยังคงเป็นปัจจัยกดดันหุ้นแบงก์มาตลอด กระทั่งมาเจอกับประเด็นปัจจัยลบล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารแบงก์ชาติออกมาบอกว่า

ธนาคารพาณิชย์ของไทยต่างมีความแข็งแกร่งมาก

เงินกองทุน การตั้งสำรองหนี้ฯ ต่างอยู่ในระดับสูง และไม่มีอะไรน่าห่วง

พร้อมกับให้ธนาคารต่าง ๆ กลับมาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้ ภายใต้เงื่อนไขที่แบงก์ชาติได้แจ้งไว้

แนวรับสำคัญของ BBL ภายใต้ปัจจัยกดดันต่าง ๆ ยังอยู่ที่ 100.00 บาท เช่นเดียวกับ KBANK ที่จะมีแนวรับ 110.00 บาท ส่วน SCB หลังจากหลุด 100.00 บาท มีแนวรับถัดไป 92.00 บาท

ส่วนกรุงไทย KTB ราคาหุ้นน่าจะยังยืนเหนือ 10.00 บาทได้

นักวิเคราะห์ประเมินว่า ราคาหุ้นแบงก์ น่าจะยัง “แกว่ง” ต่อไป

แต่ก็ไม่น่าเลวร้ายเหมือนกับปี 2563

X
Back to top button