BBL รายได้ดอกเบี้ยพุ่ง-สำรองลด ดันกำไร Q3 โต 48% ทะลุหมื่นล้าน

BBL รายงานกำไรไตรมาส 3/66 โต 48% แตะ 1.1 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7.7 พันล้านบาท รับรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นและตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง ดันงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิโต 51% ทะลุ 2.1 หมื่นล้านบาท


ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 66 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ดังนี้

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 11,349.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7,656.99 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 34,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.8% จากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ

รวมถึงอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยประกอบกับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลงซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล ประกอบกับธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงจากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32,772.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.78% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 21,736.13 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากรายได้ดอกเบี้ย 95,695 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยจากอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ออกมาสอดคล้องไปทิศทางของนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิของ BBL ช่วงไตรมาส 3/2566 ที่ 1.19 หมื่นล้านบาท โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 55% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 5% เทียบไตรมาสที่ผ่านมา เพราะการเพิ่มขึ้นของ NIM จากการเพิ่มขึ้นของ yield on loan ตามดอกเบี้ยขาขึ้น และการลดลงของต้นทุนทางการเงิน (cost of fund) จากการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากบางส่วนลง

ทั้งนี้ ภาพรวมของ BBL เป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงมีความแข็งแกร่งด้านคุณภาพสินทรัพย์ และความเพียงพอของสำรองต่อพอร์ตสูงสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ แนะนำ “ซื้อ” BBL ราคาเป้าหมาย 220 บาท

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) คาดกำไร BBL ไตรมาส 3/2566 ที่ 11,287 ล้านบาท ทรงตัวเทียบไตรมาสที่ผ่านมา แต่ยังเติบโต 47% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดรายได้ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% เทียบไตรมาสที่ผ่านมา แม้ว่าสินเชื่อจะค่อนข้างทรงตัว แต่ NIM ปรับตัวดีขึ้นราว 0.09% จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยลอยตัว

ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอาจอ่อนตัวลงราว 9% เทียบไตรมาสที่ผ่านมา โดยรายได้ค่าธรรมเนียมอาจดีขึ้นเล็กน้อยจากผลิตภัณฑ์ประเภทกองทุนรวมและประกัน แต่กำไรจากเงินลงทุนอาจอ่อนตัวลงจากฐานสูง และการปรับขึ้นของ Bond Yield ซึ่งอาจทำให้มูลค่าเงินลงทุนในตลาดเงินอ่อนตัวลงได้

ส่วนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้อาจอ่อนตัวลงเล็กน้อย 2% เทียบไตรมาสที่ผ่านมา จากในไตรมาส 2/2566 ได้มีการตั้งสำรองส่วนเกินเพื่อรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจบางส่วนไปแล้ว ทำให้สัดส่วน NPL Coverage Ratio จะยังอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ คาดกำไรปี 2566 ของ BBL ที่ 36,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบกับปีก่อน แม้ว่าในช่วงของไตรมาส 4/2566 อาจเห็นแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ NIM ในไตรมาส 4/2566 ยังเป็นขาขึ้น เมื่อบวกกับภาพรวมกำไรช่วง 9 เดือนแรกที่เติบโตสูงแล้ว ทำให้กำไรทั้งปีอาจสูงกว่าประมาณการที่ทำไว้ จึงอาจมีโอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรปี 2566-2567 ขึ้น เพื่อสะท้อนภาพรวมของ NIM ทั้งปีที่ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” BBL ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 181 บาท อิง P/BV ที่ 0.66 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันที่ยังซื้อขายที่ระดับ P/BV ที่ 0.6 เท่า ถือว่ายังค่อนข้างแลกการ์ดกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เมื่อพิจารณาในด้านความแข็งแกร่งสำรองส่วนเกิน

Back to top button