
3BBIF โชว์กำไร Q1 โต 20% แตะ 1.3 พันลบ. รับรู้รายได้ค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสง-ค่าใช้จ่ายลด
3BBIF รายงานกกำไรไตรมาส 1/68 เติบโต 20% แตะ 1.3 พันล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1 พันล้านบาท รับแรงหนุนจากรายได้ค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุนลดลง
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สามบีบี หรือ 3BBIF รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 พบว่ามีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดย 3BBIF รายงานกำไรไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 1,307.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,089.33 ล้านบาท ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง อยู่ที่ 1,864.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่ ค่าใช่จ่ายรวม อยู่ที่ 473.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.50% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 32.8% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม กองทุนมีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน อยู่ที่ 24.20 ล้านบาท ลดลง 9.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า
ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ที่ 151.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 16.9% จากไตรมาสก่อนหน้า (ประกอบด้วยค่าบริหารดูแล และปรับปรุงรักษาทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 112.90 ล้านบาท, ค่าสิทธิ์แห่งทาง 36.70 ล้านบาท และค่าประกันภัย 2.10 ล้านบาท)
ด้านต้นทุนทางการเงิน อยู่ที่ 292.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.60% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 46.6% จากไตรมาสก่อนหน้า (การปรับโครงสร้างเงินกู้ยืมคงเหลือของกองทุนช่วงปลายเดือน ม.ค. 68 มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการชำระหนีก่อนกำหนดหนดจำนวน 163.50 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมจัดการเงินจำนวน 38.20 ล้านบาท)
นอกจากนี้ มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ที่ 5.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.60% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 57.60% จากไตรรมาสก่อนหน้า (โดยเป็นค่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายการปรับโครงสร้างเงินกู้ยืมคงเหลือของกองทุน)
ขณะที่ในไตรมาส 1/68 กองทุนมีกำไรจากการลงทุนทุนสุทธิ์ 1,407.4 ล้านบาท ลดลง 5.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 7.5% จากไตรมาลก่อน ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทน 100.10 ล้านบาท (ในเดือนมี.ค.68
ทั้งนี้ กองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระประเมินมูลค่ายดีธรรรรมของเงินลงทนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วน่าแสงใฟเป็นมูลค่ายุติธรรมใหม่ ซึ่งเป็นมูลค่า 74,900 ล้านบาท จึงรับรู้ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนจากการประเมินมูลค่าเงินลงทุนดังกล่าวจำนวน 100 ล้านบาท) สินทรัพย์สทธิจากการดำเนินงาน เพิ่มขึ้น 1,307.3 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงลดลง 20.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 60.6% จากไตรมาสก่อนหน้า
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุน 3BBIF ขอแจ้งให้ทราบว่า สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 กองทุนมีขาดทุนสะสม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 จำนวน 1,609.8 ล้านบาท เนื่องจากการขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน ดังนั้น กองทุนจึงไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนสาหรับไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ระบุในหนังสือชี้ชวนของกองทุน
อนึ่ง กองทุนมีเงินสดจากการดำเนินงานสาหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 จำนวน 1,407.4 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทจัดการจะนำเงินจำนวน 1,280.0 ล้านบาท ไปดำเนินการลดเงินทุนจดทะเบียนของกองทุนและขอแจ้งกำหนดการลดเงินทุนจดทะเบียนครั้งที่ 10 และวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกาหนดสิทธิในการรับเงินลดทุน ดังนี้
1.รอบระยะเวลาที่พิจารณาจ่ายเงินลดทุนวันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568
2.วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกาหนดสิทธิในการรับเงินลดทุนวันที่ 20 พฤษภาคม 2568
3.อัตราเงินลดทุนต่อหน่วย 0.1600 บาท (โดยการลดมูลค่าที่ตราไว้ จากหน่วยละ 8.8316 บาท เหลือหน่วยละ 8.6716 บาท)
4.วันที่จ่ายเงินลดทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนวันที่ 5 มิถุนายน 2568