
รวมมิตรหุ้นโต
ความตั้งใจแรกของ “โมนิก้า” วานนี้คือ การวิจารณ์เรื่อง “ซื้อหนี้” กับเรื่อง “ค่าไฟ” รวมถึงเรื่อง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”
ความตั้งใจแรกของ “โมนิก้า” วานนี้คือ การวิจารณ์เรื่อง “ซื้อหนี้” กับเรื่อง “ค่าไฟ” รวมถึงเรื่อง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” เพราะเป็นแค่ปาหี่ที่รัฐบาลพยายามสร้างคะแนนนิยม ผนวกกับบรรดาคนรู้ทันออกมาพูดดักคอกันเป็นแถว จึงทำให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงสายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านมา ซึ่งไม่ก่อประโยชน์ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพราะโครงสร้างที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจ้า!
ด้วยเหตุดัวกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ เพื่อเสนอเป็นทางเลือกในการลงทุน ซึ่งในวันนี้ขอเอ่ยถึงบริษัทที่ทำกำไรโดดเด่นเป็นลำดับแรก ซึ่งเป็นประเด็นที่สอดรับความคาดหวังที่ “สหรัฐฯ” กับ “จีน” หันหน้ามาเจรจากันอย่างจริงจัง ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้หุ้นเหล่านี้ทะยานขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิม เพราะมีเรื่องปัจจัยพื้นฐานซัพพอร์ตไงล่ะคะ
ประกอบกับวานนี้ดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,220.27 จุด บวกไป 32.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.40 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นขนาดใหญ่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น โดยมีเรื่องกำไรไตรมาส 1 โตตามเป้าเป็นแบ็กอัพ “โมนิก้า” เลยไม่มีความจำเป็นต้องเอาเรื่องเก่าขึ้นมาเม้าท์ใหม่ ผนวกกับอีฉันต้องการเอาพื้นที่ข่าวซึ่งมีไม่มากมาเม้าท์ถึงหุ้นแปลก ๆ เพื่อบอกเล่าแมงเม่าให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีของดีซ่อนอยู่อีกเยอะพะย่ะค่ะ
ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับด้วยใจจริงว่า หุ้นใหญ่บางตัวยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จึงต้องยกพื้นที่ตรงนี้ให้กับ DELTA แบบไม่มีข้อแม้ เพราะในช่วงที่หุ้นโดนถล่มหนัก ๆ เป็นเวลานาน ก็มีเสียงเม้าท์มอยถึงการหลุด SET50 และมีเรื่องกำไรลดเป็นแรงกดดันคนที่จะซื้อ แต่ในเมื่อทุกอย่างชัดว่า เรื่องจริงมันตรงกันข้ามกับที่เม้าท์มอย หุ้นถึงกลับขึ้นมายืนเหนือ 100 บาทเป็นวันที่ 3 แบบชิล ๆ เจ้าค่ะ
ตัวถัดมาที่ใคร ๆ ก็กังวลว่า กำไรลดแน่! แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นว่า AOT ทำกำไรไตรมาส 2 (ม.ค.-มี.ค.) ได้ดีกว่าคาด ส่งผลให้มีแรงซื้อถึงกลับเข้ามาเป็นระลอก จนวานนี้หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 39.25 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 6.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.24 พันล้านบาท พร้อมกับโชว์ตัวเลขกำไรโต 17% แบบนี้ มันกลายเป็นจังหวะไหลตามน้ำไปโดยปริยายนะจะบอกให้
ส่วนม้ามืดอย่างหุ้น BBGI ทำผลงานไตรมาส 1 โต 7% ทั้งที่สภาพเศรษฐกิจง่อนแง่นแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นจุดที่น่าสนใจแง่ของการตามดูห่าง ๆ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้พยายามดันตัวเองขึ้นเป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เดี๊ยนเลยอยากตามดูว่า ไตรมาส 2 จะออกมาดีเหมือนที่พรายกระซิบบอกไหม? ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดการยืนปิดที่ระดับ 3.16 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 6.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11 ล้านบาท น่าตามไหม?
เช่นเดียวกับในรายของ TFM ก็มีประเด็นที่น่าตามต่อในแง่ของกำไรโตต่อไหม? หลังไตรมาส 1 โตถึง 26% แต่ราคาหุ้นในกระดานกลับเทรดบน PE 9 เท่า และไม่ค่อยมีใครเหลียวแลสักเท่าไหร่? “โมนิก้า” ในฐานะกองเชียร์ที่ชอบนำเสนอหุ้นที่ทำผลงานได้ดีขึ้น จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 4.94 บาท เหมาะต่อการลงทุนจริงไหม? เพราะข้อมูลเบื้องต้นดูเหมือนปีนี้จะมาดีจริง ๆ เจ้าค่ะ
ตบท้ายกันที่หุ้น ROCTEC เพื่อชี้ให้เห็นการคัมแบ็กเที่ยวนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูจากตัวเลขกำไรปี 66 อยู่ที่ระดับ 133.54 ล้านบาท ถัดมาในปี 67 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 232.65 ล้านบาท และในงวด 9 เดือนปี 68 ทำได้ในระดับ 238.25 ล้านบาท จึงอนุมานได้ว่า ปีนี้กำไรโตอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อเทียบกับการยืนปิดที่ระดับ 0.63 บาท ท่ามกลาง PE 16 เท่า จึงเป็นหุ้นที่น่าสนใจพอสมควรพะย่ะค่ะ
โมนิก้า: และทีมงาน