
L&E ส่งซิกไตรมาส 2 ฟื้น เดินหน้าลดต้นทุน เจาะตลาดไทย-ตปท.
L&E เดินหน้าท้าทายเศรษฐกิจ ส่งสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 2/68 เปิดกลยุทธ์ “Flagship Manufacturing Focused” ผลิตเป็นรุ่น ๆ เพื่อลดต้นทุน เพื่ออัตราการแข่งขัน เน้นเจาะตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้า
นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของไทยและอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นการเป็น Lighting Solution Provider ครบวงจร ด้วยการส่งมอบนวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าหลักที่อยู่ภายใต้กลยุทธ์ “Flagship Manufacturing Focused” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของแผนการเติบโตในปีนี้
โดยการเน้นผลิตเป็นรุ่น ๆ ที่แข่งขันได้ในปริมาณมากเพื่อลดต้นทุนต่อหน่วย และทำให้สามารถแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้ พร้อมทั้งบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านต้นทุนและคุณภาพ ในช่วงโค้งแรกของปี
แม้ภาพรวมตลาดที่ผันผวน และมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง แต่ภาคการผลิตของโรงงานในเครือที่เข้มแข็ง สนับสนุนให้ L&E สามารถเจาะตลาดลูกค้ารายใหญ่ในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มห้างค้าปลีกรายใหญ่ของไทยที่เริ่มเปลี่ยนมาสั่งซื้อจาก L&E แทนการนำเข้าเองจากต่างประเทศ เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและความสามารถในการส่งมอบที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังได้รับคำสั่งซื้อที่มีศักยภาพจากโครงการไฟถนน จากงานประมูลของการไฟฟ้านครหลวง 60,000 ชุด ซึ่งได้รายงานไปก่อนหน้านี้ เป็นอีกบทพิสูจน์ว่า ราคาสามารถแข่งขันได้
นอกจากนี้ การขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ ทั้งโครงการในออสเตรเลีย มาเลเซีย และกัมพูชา รวมทั้ง เตรียมส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ และยุโรป ผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่ใช้โรงงานในเครือ LEM & LES ซึ่งเป็นฐานการผลิตที่เข้มแข็ง และสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน มองว่าจากการที่โรงงานต่างชาติย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทยมากขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสการใช้ห่วงโซ่การผลิตจากโรงงานในเครือ
อย่างไรก็ตาม แม้ บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ (Trump tariffs) แต่ยังได้รับผลทางอ้อมจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหว และมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่กดดันภาพรวมความเชื่อมั่นในตลาดก่อสร้าง
ทว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 514 ล้านบาท ลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของโครงการก่อสร้างอาคารสูงเพื่อที่อยู่อาศัยและสำนักงาน รวมถึงมีงานโครงการมูลค่าประมาณ 47 ล้านบาท ที่ต้องเลื่อนการส่งมอบงานและรับรู้รายได้ไปในไตรมาสถัดไป
ทั้งนี้ ราคาขายต่อหน่วยที่ปรับตัวลดลงจากการแข่งขันสูง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อรายได้ของ บริษัทฯ แม้ยอดขายของสินค้ากลุ่ม Manufacturing Focus ซึ่ง บริษัทฯ ได้พัฒนาจนสามารถแข่งขันกับสินค้าจากจีนได้ จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ส่งผลให้ บริษัทฯ มียอดขาดทุนสุทธิ 35.3 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ลดลง และในไตรมาสนี้มีรายการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำให้กับรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปรับตัวลดลงจาก 35.5% ในปี 2567 เป็น 32.8% ในไตรมาส 1/2568 รวมถึงผลกระทบจากกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
ด้าน นายอนันต์ กล่าวย้ำว่า ในไตรมาส 1 ปีนี้ L&E ยังมี คำสั่งซื้อใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการปรับปรุงไฟส่องสว่างของ Lotus Mini Supermarkets กว่า 150 สาขา, แม็คโคร 10 สาขา รวมถึงโครงการไฟสนามบิน 22 แห่งทั่วประเทศ และตามปกติ รายได้ 70% ของบริษัทจะมาจากงานโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะรับรู้ในครึ่งปีหลังของปี
ดังนั้นจังหวะการฟื้นตัวในไตรมาส 2 จะเป็นจุดเริ่มของภาพรวมที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และเราจะประเมินเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่ตั้งไว้โต 15–20% อีกครั้งหลังจบครึ่งปีแรก แม้สถานการณ์ยังมีความผันผวน แต่เรายังเชื่อมั่นว่าด้วยพื้นฐานการผลิตที่แข็งแรง และการวางกลยุทธ์สินค้าอย่างแม่นยำ จะช่วยให้ L&E พลิกกลับมาสู่เส้นทางการเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต