
ปิดดีลแรก! “ทรัมป์” บรรลุการค้า “อังกฤษ” ลุ้นรายได้ภาษีนำเข้า 6 พันล้านดอลลาร์
โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศความสำเร็จดีลการค้าฉบับแรกกับอังกฤษ หวังดันรายได้ภาษี 6 พันล้านดอลลาร์ พร้อมเปิดทางส่งออกเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้ร่วมกันประกาศความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ระหว่างสองประเทศ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าของทั้งสองชาติ
สำหรับข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า สหรัฐฯ จะคงอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหราชอาณาจักรที่ร้อยละ 10 ขณะที่สหราชอาณาจักรจะปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จากร้อยละ 5.1 เหลือเพียงร้อยละ 1.8 โดยจะมีการขยายการเข้าถึงตลาดของสินค้าอเมริกันในฝั่งสหราชอาณาจักรอย่างกว้างขวาง
การประกาศข้อตกลงครั้งนี้เกิดขึ้นภายในห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) ทำเนียบขาว ซึ่งถือเป็นข้อตกลงการค้าฉบับแรกของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2568 และเกิดขึ้นภายหลังจากที่สหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์และการทูตการค้า โดยสหราชอาณาจักรถือเป็นประเทศแรกที่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ภายใต้บริบททางเศรษฐกิจใหม่
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงยังไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการ โดยนายทรัมป์ได้ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ และคาดว่าจะสามารถเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดได้ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ ข้อตกลงนี้ยังมีแผนการสั่งซื้อเครื่องบิน Boeing จากสหรัฐฯ โดยสหราชอาณาจักร ซึ่งมีมูลค่ารวมถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยถือเป็นธุรกรรมระหว่างภาคเอกชน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อบริษัทหรือสายการบินที่เกี่ยวข้อง และจะมีการแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป
อีกทั้ง นายทรัมป์ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social โดยระบุว่า ข้อตกลงนี้จะนำมาซึ่งรายได้จากภาษีนำเข้า (External Revenue) จำนวน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเปิดโอกาสการส่งออกใหม่อีก 5,000 ล้านดอลลาร์สำหรับเกษตรกร ผู้ผลิต และอุตสาหกรรมปศุสัตว์ของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศจะจัดตั้ง “เขตการค้าอะลูมิเนียมและเหล็กกล้า” และร่วมมือในด้านโซ่อุปทานยาที่ปลอดภัย ซึ่งคาดว่าจะเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติของทั้งสองประเทศ
นายทรัมป์ได้กล่าวว่า “ข้อตกลงนี้แสดงให้เห็นว่า หากคุณเคารพสหรัฐฯ และมีข้อเสนอจริงจังบนโต๊ะเจรจา สหรัฐฯ ก็เปิดกว้างสำหรับธุรกิจ” พร้อมส่งสัญญาณว่าจะมีข้อตกลงอื่นๆ ตามมาในอนาคต