CKP ปักธงโตยั่งยืน ลุยป้อนไฟฟ้าสะอาด 8.8 ล้าน MWh-เล็งขยาย RECs ปั้นพอร์ต

CKP เร่งขยายพลังงานน้ำ-แสงอาทิตย์ ลุยป้อนไฟฟ้าสะอาด 8.8 ล้าน ดันกำลังผลิตหมุนเวียนแตะ 16% ของประเทศ พร้อมต่อยอด Green Finance ผ่านตลาด RECs แย้มไตรมาส 2/68 ได้แรงหนุนต่อเนื่องจากฤดูกาล


นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาสที่ 1/2568 ว่า CKPower มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วม (EBITDA + Share of Profits) จำนวน 991 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 139 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และพลิกมีกำไรสุทธิ 70.47 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 460.97 ล้านบาท

ขณะที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (Core Net Profit) จำนวน 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่รับรู้ขาดทุนจากการดำเนินงาน 242 ล้านบาท

โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 เพิ่มขึ้นในปีนี้ มาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ของบริษัท โดยรายได้การขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4 จากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในช่วงต้นปี 2568 ที่มากกว่าปีก่อน ส่งผลให้โรงไฟฟ้าสามารถประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าได้มากขึ้นร้อยละ 7

รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมลดลงถึง 563 ล้านบาท เหลือเพียง 7 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลงร้อยละ 99 จากปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 41 ทำให้ปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 สามารถประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าเดือนมกราคม-พฤษภาคมปี 2568 มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณร้อยละ 3 และยังมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 363 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณน้ำไหลเข้า โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย โดยต้องรอความชัดเจนของปริมาณน้ำอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม สำหรับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบาง มีความคืบหน้าการก่อสร้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ร้อยละ 48 ซึ่งเป็นไปตามแผน ขณะที่โครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์

สำหรับผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ในระยะแรกจำนวน 3 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 7.0 MW ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 มีความคืบหน้าการก่อสร้างอยู่ที่ร้อยละ 86 ซึ่งเป็นไปตามแผน โดยเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้แล้ว 1 โครงการเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2567 และจะทยอยแล้วเสร็จครบทุกโครงการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568″ นายธนวัฒน์ กล่าวเสริม

ด้านฐานะการเงินของ CKPower มีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 1.72 เท่า มีหนี้สินรวมลดลงร้อยละ 3 จากสิ้นปี 2567 และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมในระดับต่ำที่ 0.53 เท่า โดยทริสเรทติ้งได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ทุกชุดของบริษัทเป็นอันดับ “A-“ แนวโน้มคงที่ ซึ่งเท่ากับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สะท้อนถึงโครงสร้างหนี้ที่แข็งแกร่งขึ้น จากการบริหารหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ การทยอยลดภาระหนี้ของบริษัทย่อย และการรักษาระดับความสามารถในการชำระหนี้ให้อยู่ในเกณฑ์แข็งแกร่ง

พร้อมกันนี้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานในปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.085 บาท เป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 691 ล้านบาท มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568

สำหรับก้าวต่อไป CKPower มีแผนเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ด้านการเงินสีเขียว (Green Finance) โดยใช้กลไกการขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) โดยในปี 2567 โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในเครือของกลุ่มบริษัท CKPower สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่งให้ประเทศไทยได้กว่า 8.8 ล้านเมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ในประเทศ

และในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนและเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สามารถหวังผลในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2593

Back to top button