
หุ้นที่เสียทรง
วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยออกอาการเสียทรง ทั้งที่ขุนคลังของเราออกมาโปรยยาหอมให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า การเจรจาการค้ากับอเมริกาจะราบรื่น
วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยออกอาการเสียทรง ทั้งที่ขุนคลังของเราออกมาโปรยยาหอมให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า การเจรจาการค้ากับอเมริกาจะราบรื่น หลังได้รับคำชมจากคณะเจรจาแบบนี้..หุ้นไทยควรเด้งแรงไม่ใช่เหรอ? แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่า ดัชนีแกว่งตัวสะเปะสะปะตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,216.71 จุด บวกไป 2.32 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.31 หมื่นล้านบาทพะย่ะค่ะ
สถานการณ์ตรงนี้ทำให้ “โมนิก้า” งงเป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง เพราะตามท้องเรื่องที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ มันคือข่าวดีที่น่าจะทำให้ดัชนีไต่ระดับสูงขึ้น โดยหุ้นแกนหลักควรกลับมาโลดแล่นบนกระดานหุ้นอย่างพร้อมเพรียง แต่ภาพที่เกิดขึ้นกลายเป็นว่า หุ้นใหญ่เป๋ถ้วนหน้า ส่วนหุ้นขนาดกลางก็ไร้ทิศทาง คงเหลือแต่หุ้นเล็กที่พอดูได้ ซึ่งทำให้อีฉันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า วันนี้นักเล่นเขาวัดหุ้นจากความสามารถในการทำกำไรเป็นหลักนะจ๊ะ
เหมือนกับแรงขายที่สาดใส่หุ้น CRC แบบมาราธอน ล้วนเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องกำไรไม่มาตามนัด เพราะสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อให้คนจับจ่ายใช้สอยแบบมือเติบ ราคาหุ้นถึงทรุดโทรมลงต่อเนื่อง จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 19.60 บาท ลบไป 1.30 บาท หรือลงไป 6.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 พันล้านบาท พร้อมกับทำ all time low แบบนี้..อีฉันสังหรณ์ใจว่า น่าจะมีราคาต่ำกว่าวานนี้ให้เห็นอีกนะคะ
เช่นเดียวกับในรายของ KTC ที่โดนสาดทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นทรุดลงไปทำโลว์ของวันที่ระดับ 38.50 บาท ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 40.50 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 8.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 800 ล้านบาท คงเป็นผลมาจากกำไรไตรมาส 1 ไม่โตเหมือนที่หลายคนคาดหวัง ผนวกกับตอนนี้หลายคนกังวลเรื่องหนี้เสีย ส่งผลให้โมเมนตัมของหุ้นดูไม่ดีสักเท่าไหร่ในเวลานี้เจ้าค่ะ
ส่วนรายที่ทำให้อีฉันประหลาดใจสุด ๆ คงมองไปที่หุ้น ERW เป็นรายถัดมา เพราะราคาหุ้นซึมลงเป็นแรมปี ทั้งที่งบปี 67 ทำกำไรได้ถึง 1.28 พันล้าน และเมื่อเทียบกับปี 66 ที่อยู่ในระดับ 742 ล้านบาท ราคาหุ้นก็ควรทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ? อีฉันเลยสงสัยว่า การลงมาปิดที่ระดับ 2.18 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 5.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 4 ปี 6 เดือน..ชักอย่างไรอยู่นะคะ
สำหรับรายที่เห็นชัดแจ่มแจ้งว่า กำไรลดฮวบอย่างมีนัยสำคัญ จนขาประจำต้องตัดขายหุ้นออกไปก่อน “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นเสริมความงามอย่าง MASTER เพื่อชี้ให้เห็นการยืนปิดที่ระดับ 15.60 บาท ลบไป 2.70 บาท หรือลงไป 14.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกำลังซื้อลดลง และสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อให้คนใช้เงินเหมือนเมื่อก่อน..แล้วงบไตรมาส 2 จะเป็นอย่างไรล่ะเนี่ย!
เมาท์ถึงเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปดูหุ้น DV8 สักนิดหนึ่ง เพราะบรรดาแมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า กลุ่มทุนใหม่กำลังเข้ามาเทกโอเวอร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นแรงสัปดาห์กว่า ๆ แถมวานนี้พุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.70 บาท บวกไป 0.86 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 18 ล้านบาท ยิ่งทำให้ประเด็นดังกล่าวดูน่าเชื่อถือขึ้นไปอีกแบบนี้..ให้บริษัทควรออกมาชี้แจงได้แล้วจ้า!..สังคมขาเม้าท์จะได้เลิกสับสนนะจ๊ะ
ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอพูดถึงงาน “Thailand’s Capital Market Forum 2025” ที่จะจัดขึ้นวันที่ 17 พ.ค. 2568 เวลา 13.00-17.00 น. ณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อชี้ให้เห็นโอกาสของตลาดหุ้นไทยในยุคข่าวสารรวดเร็วฉับไวว่า นักลงทุนควรมาฟังผู้รู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วยตัวเอง เพื่อจะได้ประเมินการลงทุนได้อย่างแม่นยำ.. งานนี้ขอย้ำว่า ข้อมูลที่นำเสนอในวันงานอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนแบบเต็ม ๆ นะคะ
โมนิก้า: และทีมงาน