
MOTHER วิ่งต่อ 13% หลังโชว์กำไร Q1 โต 31% รับรู้รายได้ขายเฉียด 400 ล้านบาท
MOTHER บวกต่อ 13% หลังรายงานกำไรไตรมาส 1/68 เติบโต 31% แตะ 9 ล้านบาท หลังรับรู้รายได้รวมจากยอดขายค้าส่ง 394.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.68% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (19 พ.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER อยู่ที่ระดับ 0.99 บาท บวก 0.11 บาท หรือ 12.50% สูงสุดที่ระดับ 1.06 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.94 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35.27 ล้านบาท
นายเอกพงศ์ โชคชัยวิทัศน์ กรรมการผู้จัดการ MOTHER ผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้แบรนด์ “Mother Supermarket” และ “Mother Marche” เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 394.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.68% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 9.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อนโดยมีอัตรากำไรสุทธิต่อยอดขายอยู่ที่ 2.50% สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 2.16%
ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายค้าส่งที่เติบโต 11.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้าให้กับกลุ่มธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ยอดขายของสาขาที่เปิดใหม่จำนวน 2 สาขา เมื่อปลายปี 2567 และยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น
โดยบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของร้านสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น 9.84% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีร้านสาขาจำนวน 20 สาขา มีสัดส่วนของยอดขายระหว่างธุรกิจค้าส่ง 28% และธุรกิจค้าปลีก 72% และรายได้อื่นมีจำนวน 1.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.56% จากงวดเดียวกันของปี ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการให้เช่าพื้นที่หน้าร้าน
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงิน จำนวน 2.18 ล้านบาท ลดลง 22.42%จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเงินต้นจากการกู้ยืมลดลงจากการชำระคืนเงินกู้ตามเงื่อนไขการใช้เงินที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก และนำเงินที่ได้จากการดำเนินธุรกิจปกติไปชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน
สำหรับการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดรับจุดเด่นการดำเนินธุรกิจบนทำเลแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในจังหวัดกระบี่ โดยคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2 จะเติบโตจากไตรมาสแรก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ใช้จ่ายสูงและมีความภักดีต่อร้านค้า (Brand Loyalty) โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายเดือนเมษายนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่เดือนพฤษภาคม จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะประเทศซาอุดีอาระเบีย จะนิยมเดินทางเข้ามาเที่ยวจังหวัดกระบี่ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่ม 1 สาขา ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม นับเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าและส่วนแบ่งของตลาดที่เพิ่มขึ้น