
“ไทย–อินโด” กระชับสัมพันธ์ 75 ปี เตรียมตั้ง JTC ดันส่งออกสินค้าเกษตร
นายกแพทองธาร ต้อนรับประธานาธิบดี “ปราโบโว” ประกาศยกระดับสัมพันธ์ “ไทย-อินโด” สู่ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือรอบด้านทั้งการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เล็งตั้งคณะกรรมการร่วมด้านการค้า (JTC) ภายในปีนี้ หวังหนุนมูลค่าการค้าโตจาก 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 พ.ค.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบรัฐบาลให้การต้อนรับนายปราโบโว ซูบียันโต (H.E. Mr. Prabowo Subianto) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะแขกของรัฐบาลไทย
โดยภายหลังการหารือเต็มคณะในกรอบกลไกหารือระดับผู้นำ (Leaders’ Consultation) ผู้นำทั้งสองประเทศร่วมกันแถลงข่าว โดยนายกรัฐมนตรีหญิงของไทยระบุว่า การเยือนครั้งนี้มีนัยสำคัญในการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–อินโดนีเซีย และตอกย้ำมิตรภาพอันยาวนานกว่า 150 ปีของทั้งสองประเทศ
“ขอประกาศด้วยความยินดีว่า ไทยและอินโดนีเซียตกลงยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันในการเสริมสร้างความร่วมมือในทุกมิติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ” แพทองธารกล่าว
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันในการผลักดันความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรม โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกันจัดทำ “แผนปฏิบัติหุ้นส่วนยุทธศาสตร์” เพื่อเป็นเข็มทิศในการดำเนินงานระหว่างกันในอนาคต
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยและอินโดนีเซียเห็นตรงกันในหลายประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจ ทั้งการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเร่งจัดตั้ง “คณะกรรมการร่วมด้านการค้า” (Joint Trade Committee: JTC) ครั้งแรกภายในปีนี้ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สำหรับในปี 2567 การค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่าสูงถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังมีศักยภาพขยายตัวอีกมากเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงของทั้งสองประเทศ
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องในการส่งเสริมการลงทุน โดยให้องค์กรที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศเร่งหารือเพื่อสร้างความเข้าใจและเปิดโอกาสการลงทุน โดยเฉพาะในภาคเอกชน
ส่วนในด้านสินค้าเกษตร ทั้งสองประเทศจะร่วมกันฟื้นฟูและเสริมความร่วมมือในสินค้าฮาลาล พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการเป็นหุ้นส่วนด้านการประมงที่ยั่งยืน และขยายความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสีเขียว
ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบผลักดันการเดินทางด้วยเรือสำราญ เรือยอร์ช การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ MICE Tourism โดยไทยเสนอให้จัดทำแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน พร้อมสนับสนุนเส้นทางบินใหม่ระหว่างเมืองสำคัญ อาทิ สุราบายา–กรุงเทพฯ, เมดาน–กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Lion Air และเมดาน–ภูเก็ต โดยสายการบิน AirAsia นายกและเสนอให้สำรวจความเป็นไปได้ในการเปิดเส้นทางบินเพิ่มเติมระหว่างเมืองท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสนับสนุนความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อรับมือความท้าทาย รวมถึงการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในอาเซียนให้มีอำนาจต่อรองมากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ภาษีการค้าโลก โดยเฉพาะของสหรัฐฯ
ในประเด็นเมียนมา ไทยยืนยันทำงานร่วมกับประธานอาเซียนเพื่อคืนสันติภาพสู่อาเซียน และได้รับคำยืนยันจากประธานาธิบดีอินโดนีเซียว่า อินโดนีเซียพร้อมสนับสนุนไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก BRICS อย่างเต็มรูปแบบ
ท้ายที่สุด นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ตนหวังจะมีโอกาสเดินทางเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของประธานาธิบดีปราโบโวในอนาคตอันใกล้นี้