
“จุลพันธ์” กวาด 354 คะแนน ขึ้นแท่นหัวหน้าพรรค “เพื่อไทย” ต่อจาก “แพทองธาร“
ที่ประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย มีมติเอกฉันท์เลือก “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ต่อจาก “แพทองธาร ชินวัตร” ที่ลาออกเพื่อเปิดทางปรับโครงสร้างนำพรรคเดินหน้าศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ต.ค.68) เวลา 12:00 น. พรรคเพื่อไทยจัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2568 เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา
ที่ประชุมมีมติเลือก นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ด้วยคะแนนเสียง 354 จากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งหมด 369 คน โดยมีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 15 คน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หวนกลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค และแต่งตั้งนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกพรรคคนใหม่
สำหรับ นายจุลพันธ์ ชื่อเล่น “หนิม” ปัจจุบันอายุ 50 ปี เป็นบุตรของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และเป็น สส.เชียงใหม่ หลายสมัย
นายจุลพันธ์ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และ นางสาวแพทองธาร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน นายจุลพันธ์ กล่าวภายหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคว่า นายกรัฐมนตรีโดนตัดสิทธิ์หลายครั้ง เขาพยายามปิดปากพวกเรา แต่พวกเรายังคงอยู่ ยังคงสู้ วันนี้เป็นอีกหนึ่งวัน ที่เราส่งไม้ต่อ เพื่อการเดินหน้าพรรคการเมือง เพื่อการเดินหน้านโยบาย เพื่อประโยชน์ของประชาชน และในวันแรกที่พวกเรามาพร้อมกัน ในนามของพรรคไทยรักไทยในอดีตนั้น พวกเราไม่มีอะไรเลย มีแต่ความเชื่อ มีแต่ความหวังว่านโยบายที่ดี จะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับชีวิตพี่น้องประชาชนได้ เราเป็นพรรคการเมืองแรก ที่นำเสนอนโยบายที่สามารถกินได้ จับต้องได้ จนประชาชนให้การยอมรับ วันนี้ต้องเรียนว่าจิตวิญญาณนั้น ยังคงอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ทุกคน เรายังคงยึดมั่นในคำว่าหัวใจคือประชาชน
ภายนอกทั้งสื่อและสังคม ส่งสัญญาณมาว่าพรรคเพื่อไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลง ตนเห็นด้วยเพราะเปลี่ยนทุกวันการเมืองไทยปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ประชาชนมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป วันนี้การยกเครื่องเพื่อไทย จึงไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางที่จำเป็นต้องเดิน เราในฐานะพรรคการเมืองเราผ่านมาทางประสบการณ์ที่ประทับใจ ความสำเร็จที่เราจะต้องจดจำ แต่แน่นอนว่าเราผ่านบาดแผลที่เราจะต้องเรียนรู้และแก้ไข เราแบกรับความหวังของประชาชน แบกความเชื่อมั่นของประชาชนที่เลือกเรามาโดยตลอด สิ่งเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้กับสมาชิกพรรคมาโดยตลอด และเราจะยึดมั่นกับประชาชนเพื่อนำพานโยบายที่เป็นประโยชน์คืนกลับให้กับประชาชนทุกคน
แนวทางของพรรคในวันนี้ เราพร้อมที่จะยกเครื่อง อย่างแรกคือการสื่อสารกับประชาชนจะต้องรวดเร็วทันการและจะต้องเข้าถึงประชาชนได้อย่างทันท่วงที ในส่วนของผู้สมัครต้องคัดผู้สมัครเข้าสู่การเลือกตั้งซึ่งกำลังจะมาถึงให้เป็นผู้สมัครที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของประชาชน
และส่วนของนโยบาย ต้องย้อนกลับเป็นนโยบายที่ถูกใจและสามารถตอบโจทย์ประชาชนได้
“นี่ไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายเลย แต่ผมไม่ได้อยู่คนเดียว ผมมีพวกเราที่อยู่ในห้องนี้ทุกคน และยังมีความเชื่อมั่นว่า เรายังมีพี่น้องประชาชนอีกนับ 10 ล้านคน ที่จะคอยเป็นกำลังผลักดันให้กับเพื่อไทย ในการเดินหน้าในการนำพาพรรคเพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง และเปลี่ยนรัฐบาลในครั้งถัดไปให้ได้” นายจุลพันธ์ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงบทบาทของตระกูล “ชินวัตร” ในพรรค นายจุลพันธ์ ตอบว่า “ด้วยความผูกพันของตระกูลชินวัตร ปฏิเสธไม่ได้ อย่าไปหลอกตัวเอง ความผูกพันทางใจมีอยู่แล้ว เพราะแนวคิดและอุดมการณ์ของพรรคเริ่มมาจากคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค และคุณแพทองธาร ชินวัตร ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็ยังเป็นที่รักและเคารพของพวกเราทุกคน” พร้อมย้ำว่า แม้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะไม่มีบุคคลในครอบครัวชินวัตรร่วมอยู่ แต่ถือเป็น “การถ่ายเลือด” เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองอย่างแท้จริง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“เพื่อไทย” เลือกหัวหน้าใหม่! “จุลพันธ์” ประชัน “จาตุรนต์” – “ประเสริฐ” พร้อมคืนเลขาพรรค
 
				
