
“สุเชษฐ์” มอง SET แกว่งตัวกรอบ 1,170–1,200 จุด แนะสะสม OR–PTTEP–BH
“สุเชษฐ์ สุขแท้” ชี้ตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวในกรอบ 1,170–1,200 จุด พร้อมประเมินแนวรับ SET ที่ 1,190 จุด หากไม่อยู่เสี่ยงถอย 1,170 จุด อีกระลอก แนะ OR–PTTEP–BH หุ้นรายตัวน่าสะสม พร้อมพร้อมแนะเก็บหุ้นพื้นฐานดีประกาศงบไตรมาส 1/68 โดดเด่น อาทิ กลุ่มแบงก์-วัสดุก่อสร้าง-พาณิชย์ และโรงพยาบาล
นายสุเชษฐ์ สุขแท้ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายมีเดียมาร์เก็ตติ้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด หรือ ASL เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 พ.ค.68) ภาพรวมดัชนี SET Index ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับแนวรับสำคัญที่ 1,190 จุดได้ หากแรงขายยังคงกดดันต่อเนื่อง มีโอกาสที่ตลาดจะกลับไปทดสอบระดับ 1,170 จุดอีกครั้ง โดยแนวต้านสำคัญยังคงอยู่ที่ 1,200 จุด ซึ่งต้องจับตาการทดสอบแนวต้านนี้อย่างใกล้ชิด
สำหรับหุ้นรายตัวแนะนำ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ราคาปิดที่ 13.10 บาท แนวรับอยู่ที่ 12.60–12.30 บาท แนวต้านระยะสั้นที่ 13.60 บาท กรณีมีหุ้นในพอร์ตหากสามารถยืนเหนือแนวต้านได้ แนะนำ “ถือ” หรือ “ทยอยสะสม” แต่ถ้าไม่มีหุ้นในพอร์ตรดูให้ชัดๆว่าที่ระดับ 12.60 บาท สามารถยืนอยู่ได้แข็งแกร่งหรือเปล่า เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันโลกที่อ่อนตัวลงในช่วงเช้า
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ราคาปรับฐานลงมาแตะ 40 บาท ถือเป็นระดับที่น่าสนใจ โดยมีแนวต้านที่ 43.75–45.00 บาท แม้ผลประกอบการไม่ได้โดดเด่น แต่ยังมีลุ้นรีบาวด์ในเชิงเทคนิค
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่ระดับราคาแถว 100 บาท น่าสนใจ4 เล่นลักษณะ รีบาวด์ โดยมีแนวต้าน 103.50-105 บาท
บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT แนวรับระดับ 9.50- 10 บาท “น่าสนใจ” มีโอกาส “ไปทดสอบประมาณ” 10.50 -11 บาท แนวโน้มยังเป็นในทิศทางขาขึ้น
บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ราคาขยับขึ้นมาแตะ 166 บาท แต่ยังติดแนวต้านสำคัญที่ 170–175 บาท นักลงทุนควรระมัดระวังและหาจังหวะรับในช่วงย่อตัวเนื่องจากเป็นหุ้นตัวใหญ่ เวลาปรับลงจะเกิดความไม่มั่นใจ
ด้านภาพรวมตลาดต่างประเทศยังค่อนข้างเป็นบวก โดยตลาดหุ้นฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่นต่างปรับตัวขึ้น สะท้อน Sentiment ภายนอกที่เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยยังต้องพึ่งพาผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหลายกลุ่มออกมาค่อนข้างดี
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลประกอบการเด่น ได้แก่
กลุ่มเกษตร-อาหาร NER,GFPT, STA
กลุ่มธนาคาร BBL,KTB KBANK, SCB
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง: STEC, TASCO
กลุ่มพาณิชย์:ADVICE, COM7, CPALL, CRC, ILM,MOSHI
กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ DELTA, SMT
กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9, LPH, PHG, RPH
นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์อย่าง MTC, SAK,MFC ยังคงมีแนวโน้มกำไรดีต่อเนื่อง สะท้อนภาพตลาดที่ยังมีโอกาสลงทุนในหุ้นรายกลุ่มและรายตัว แม้ภาพรวมดัชนีอาจยังแกว่งตัวในกรอบ