DITTO โชว์แบ็กล็อก 4.2 พันล้าน เดินหน้า “ป่าชายเลน–โทเคนคาร์บอนเครดิต” ดันธุรกิจโตแกร่ง

DITTO ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/68 โต ขานรับธุรกิจ Data–Engineering หนุนรายได้เพิ่ม เดินหน้า ESG–Token ป่าชายเลนรับดีมานด์คาร์บอนเครดิต


นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 20 พ.ค.68 ว่า ในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 745 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 717 ล้านบาท แม้รายได้เพิ่มขึ้นเพียง 27 ล้านบาท แต่โครงสร้างรายได้ที่เปลี่ยนไปสู่ธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 158 ล้านบาทเป็น 206 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จาก 104 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมี Gross Profit Margin อยู่ที่ 28% และ Net Profit Margin ที่ 20%

ทั้งนี้ รายได้กว่า 90% ในไตรมาส 1 มาจากธุรกิจ Data และ Engineering โดย Data Management มีรายได้ 266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อน ส่วนธุรกิจ Engineering Technology เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 218 ล้านบาทเป็น 429 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจ Printer ซึ่งไม่ได้เป็นธุรกิจหลักยังคงสร้างรายได้แบบประจำโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติม

ด้านมูลค่างานในมือ (แบ็กล็อก) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ 4,274 ล้านบาท ไม่รวมธุรกิจ Printer ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท ทั้งนี้ในไตรมาส 1 บริษัทได้รับงานใหม่มูลค่ารวมกว่า 807 ล้านบาท และยังมีงานเพิ่มเข้ามาอีกในเดือนเมษายน–พฤษภาคม โดยเฉพาะจากกลุ่ม Data and Document

โดยในส่วนของโครงการพิเศษ บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินโครงการสวนสัตว์แห่งใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วประมาณ 50% ขณะที่โครงการปลูกไม้มูลค่าสูงเฟส 2 มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทร่วมลงทุน 1,000 ล้านบาท นั้นอยู่บริเวณถนนพระราม 9 ใกล้แยกรามคำแหง

ด้านความยั่งยืน บริษัทได้รับการจัดอันดับ ESG Rating ระดับ AAA จากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองสูงสุด รวมถึง CGR ระดับ 5 ดาว สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่ดี มีธรรมาภิบาล และความโปร่งใส

ขณะที่ฐานะทางการเงิน บริษัทยังไม่มีหนี้สินเงินกู้จากธนาคาร และมี D/E Ratio แทบเป็นศูนย์ บริหารกระแสเงินสดอย่างระมัดระวัง ทำให้สามารถเติบโตได้แม้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/2568 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแบ็กล็อกรองรับ และยังมีโครงการอยู่ระหว่างการประมูลอีกหลายรายการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นช่วงปลายปี โดยเฉพาะในโครงการร่วมกับภาครัฐที่ยังเป็น Engine หลักของประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่ากระแสการใช้ AI ที่เพิ่มขึ้น จะกลายเป็นโอกาสในการต่อยอดบริการในอนาคต โดยมีการพัฒนาเคสและเตรียมบูรณาการ AI เข้ากับแพลตฟอร์มของลูกค้า ส่วนโครงการด้านคาร์บอนเครดิต บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมยื่นมาตรฐานระดับสากล เช่น VERRA และ Gold Standard เพื่อรองรับความต้องการในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรปที่เริ่มใช้มาตรการ CBAM ควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

อนึ่งธุรกิจของบริษัท ประกอบด้วย 1) Data and Document Management Solution ซึ่งเป็นธุรกิจหลักครอบคลุมการจัดการเอกสารและข้อมูล ระบบ Data Security และ BPO โดยมีการ Synergy กับพันธมิตรทั้งจากภาครัฐและเอกชน เช่น BAY, อภา และทีมกรุ๊ป เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างโครงการร่วมในลักษณะ Consortium หรือ Subcontract ตามลักษณะงาน

2) Innovation Technology and Engineering Project รับงานโครงการขนาดใหญ่ เช่น ท้องฟ้าจำลอง พิพิธภัณฑ์ ระบบเตือนภัยน้ำท่วม-ดินถล่ม สวนสัตว์แห่งใหม่ โดยบริษัทลูก Siam TC Technology และบริษัท DTX ที่ร่วมทุนกับทีมกรุ๊ป ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Digital Twin และ BIM เพื่อการควบคุมและตรวจสอบแบบ Real-time สำหรับพื้นที่นิคมและอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังดำเนินการพัฒนาโครงการให้กับการนิคมอุตสาหกรรม

3) กลุ่ม Green & K-Tech มุ่งพัฒนาโครงการปลูกป่าชายเลนในพื้นที่กว่า 150,000 ไร่ และอีก 20,000 ไร่ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตมาตรฐาน Premium T-VER แล้ว พร้อมอยู่ระหว่างยื่น ICO เพื่อออก Investment Token ผ่านแพลตฟอร์ม Token X เพื่อระดมทุนสำหรับการปลูกป่า ภายใต้เป้าหมายพัฒนา ESG ให้เป็น S-curve ใหม่ขององค์กร

4) ธุรกิจอุปกรณ์ POS และ Printer ยังคงสร้างรายได้ประจำแบบ recurring income โดยใช้สินทรัพย์และบุคลากรเดิมที่มีอยู่ ส่งผลให้ยังคงเป็นแหล่งรายได้ที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม

Back to top button