“ฮ่องกง” รับรอง SET เป็นตลาดหุ้นต่างชาติ เปิดเกมใหม่ให้ทุนไทยสู่ตลาดโลก

ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) รับรอง SET เป็นตลาดหุ้นต่างชาติอย่างเป็นทางการ เปิดทางให้บริษัทไทยจดทะเบียนแบบ Secondary Listing ในฮ่องกงได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสเข้าถึงนักลงทุนระดับโลกและขยายฐานทุนในภูมิภาคเอเชีย


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีบริษัทจดทะเบียนมากกว่า 800 บริษัทในสองกระดานหลัก คือ SET Index และ mai โดยตลาดฯ มีสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ได้รับการกำกับดูแลและโปร่งใสแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาดทุนของไทย ทั้งยังเป็นเวทีให้ภาคธุรกิจระดมทุนและให้บุคคลทั่วไปใช้เป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่ง

อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง และมีพัฒนาการที่ตามหลังเมื่อเทียบกับตลาดโลกและเพื่อนบ้านในภูมิภาค โดยสาเหตุหลักเป็นผลจากความเปราะบางต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การชะลอตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับปัญหาการเมืองที่ยังไม่สิ้นสุด

โดยสถานการณ์ตลาดที่ซบเซาส่งผลให้ปีนี้มีเพียง 4 บริษัทเท่านั้นที่สามารถทำ IPO โดยเข้าการซื้อขายในตลาด mai และยังไม่มีบริษัทใดจดทะเบียนในกระดานหลัก SET Index เลย จากการซื้อขายที่เบาบาง บริษัทหลายแห่งต่างประสบปัญหาในการสร้างมูลค่าให้กับตัวเอง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของปริมาณการซื้อขายในแต่ละวัน ต่างโยกย้ายเงินลงทุนไปยังตลาดที่มีผลตอบแทนดีกว่า

ท่ามกลางมรสุมนี้ บริษัทจดทะเบียนไทยได้โอกาสใหม่สำหรับการเข้าถึงเงินทุนขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) ได้ประกาศรับรองตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็น Recognised Stock Exchange หรือ “ตลาดหลักทรัพย์ที่ได้รับการรับรอง” จากฮ่องกง สถานะนี้เอื้อให้องค์กรไทยที่จดทะเบียนหลักใน SET สามารถยื่นขอ secondary listing ในฮ่องกงโดยจะได้รับกฎเกณฑ์ที่ผ่อนปรนกว่าการขอ primary listing ในตลาด HKEX

ในแง่ของศักยภาพ ฮ่องกงถือเป็นศูนย์กลางการเงินระดับภูมิภาคที่มีชื่อเสียงและน่าดึงดูดสำหรับทั้งนักลงทุนและบริษัทต่างชาติ ด้วยโลเคชั่นที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สู่ประเทศจีน บรรยากาศตลาดเสรี โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ตลาดการเงินที่มีประสิทธิภาพ และระบบนิติรัฐที่เป็นที่น่าเชื่อถือ

ในบทสัมภาษณ์กับ Kaohoon International, Katherine Ng หัวหน้าฝ่าย Listing ของ HKEX เปิดเผยว่าตลาดฮ่องกงไม่ได้รับรองตลาดหุ้นต่างประเทศทุกแห่ง แต่เลือกเฉพาะตลาดที่มีศักยภาพและความสำคัญ—ซึ่งไทยเป็น 1 ใน 20 รายชื่อของโลกในขณะนี้

ฮ่องกงถูกมองว่าเป็นตลาดทุนที่ใหญ่ มีสภาพคล่อง และมีความคึกคักมากที่สุดในเอเชีย บริษัทที่คิดจะขยายตลาดนอกประเทศต่างมองหาตลาดที่มี active volume, liquidity และ valuation ที่เหมาะสม ซึ่งฮ่องกงก็ตอบโจทย์เหล่านี้

หัวหน้าฝ่าย Listing ของ HKEX ระบุว่า ไทยเป็นตลาดที่อยู่ในแผนกลยุทธ์ของฮ่องกงเพราะถูกมองว่าเป็นตลาดที่ดี และมั่นคง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหลายบริษัทของไทยเองต่างก็มีเป้าหมายในการเติบโตข้ามชาติ

อย่างไรก็ดี สิ่งที่บริษัทอาจต้องยอมแลกคือ การพลาดโอกาสเข้าถึง “นักลงทุนจีน” โดยตรงผ่านโครงการ Stock Connect ของฮ่องกง-จีน ซึ่งเป็นระบบปิดระหว่างตลาดฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น ที่ช่วยให้นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อหุ้นจีนได้ และให้นักลงทุนจีนลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนหลักใน HKEX ได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจากจีนจะไม่สามารถซื้อขายหุ้นที่เป็น secondary listing ได้

กระนั้นก็ดี คุณ Ng ไม่ได้มองว่าการเข้าไม่ถึง Stock Connect คือการเสียโอกาสสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนแบบ secondary เธอแนะนำว่า การเริ่มจาก secondary listing เป็นก้าวแรกที่ดี เพราะสะดวก รวดเร็ว กฎเกณฑ์บางอย่างได้รับการผ่อนปรน แถมยังเปิดโลกทัศน์และเรียนรู้ตลาดฮ่องกงได้ก่อน หากพร้อมในอนาคตก็สามารถยกระดับเป็น primary listing ได้ โดย Alibaba เองก็เริ่มจากการเป็น secondary listing ก่อนเช่นกัน

ขนาดและสภาพคล่องของตลาดฮ่องกงเป็นจุดดึงดูดหลังเข้าจดทะเบียน โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาประมาณ 31,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนขนาดและความครึกครื้นของตลาด

อีกทั้งตลาดฮ่องกงยังมี “ประวัติและความเข้าใจ” ต่อแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคจากต่างชาติเป็นอย่างดี นักลงทุนฮ่องกงเองก็มักสนับสนุนหุ้นกลุ่มนี้อย่างแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้น กระแสตลาดหุ้นฮ่องกงระยะหลังที่ Hang Seng Index ปรับขึ้น 17% ตั้งแต่ต้นปีตามเวลาสัมภาษณ์ ยังเป็นปัจจัยบวกช่วยดึงดูดทั้งบริษัทและนักลงทุน เพราะ performance ที่ดีช่วยสร้างแรงหนุนในการระดมทุน

คุณ Ng กล่าวเสริมว่า HKEX เปิดกว้างรับบริษัทจากอุตสาหกรรมหลากหลาย เนื่องจากมีความเข้าใจและประสบการณ์ที่ลึกซึ้งกับอุตสาหกรรมจากทั่วโลก ฉะนั้นโอกาสสำหรับบริษัทไทยจึงเปิดรับในทุกกลุ่มธุรกิจ

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เธอมองว่าภาษีจากรัฐบาลทรัมป์ ในรอบที่ผ่านมากลับมีอานิสงส์ทางอ้อมต่อดัชนี Hang Seng แม้ความไม่แน่นอนย่อมไม่เป็นที่โปรดปรานของนักลงทุน แต่ดีลการลงทุนก็ยังดำเนินต่อไปโดยที่บางช่วงความผันผวนก็เอื้อประโยชน์ให้การลงทุนบางกลุ่ม โดยเธอตั้งข้อสังเกตว่าแม้จะมีความไม่แน่นอน นักลงทุนก็ยังเลือกที่จะลงทุนในตลาดฮ่องกง

ด้วยทิศทางกลยุทธ์นี้ รวมถึงการเน้นย้ำบทบาทของ SET ในกลยุทธ์ภูมิภาคของ HKEX และความชัดเจนของ “ช่องทางและผลประโยชน์” จากการจดทะเบียนในฮ่องกง บริษัทยักษ์ไทยอาจกำลังยืนอยู่บนประตูสู่ทุนระดับโลก ผ่านการสร้างพันธมิตรกับตลาดหุ้นฮ่องกงอย่างเป็นทางการ

Back to top button