ก.ล.ต.เตรียมคุมเข้ม Finfluencer-แอดมินเพจ แนะนำการเงิน การลงทุน

ในยุคที่ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับการลงทุนมากขึ้น อินฟลูเอนเซอร์ทางการเงิน หรือ “Finfluencer” ได้กลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน


ในยุคที่ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับการลงทุนมากขึ้น อินฟลูเอนเซอร์ทางการเงิน หรือ “Finfluencer” ได้กลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนรายย่อยอย่างมีนัยสำคัญ เนื้อหาที่ดูเหมือนเป็นเพียงการแบ่งปันความคิดเห็น อาจเข้าข่ายการให้คำแนะนำด้านการลงทุน ซึ่งตามกฎหมายจำเป็นต้องมีใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หากฝ่าฝืนโดยไม่รู้ตัว ก็อาจนำไปสู่ความผิดทางกฎหมายได้โดยไม่ได้เจตนา

ดังนั้น finfluencer จึงควรเข้าใจให้ชัดเจนว่าพฤติกรรมใดเข้าข่ายต้องมีใบอนุญาต และควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อไม่ให้ละเมิดกฎโดยไม่ตั้งใจ

หลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ในการพิจารณาว่าเนื้อหาหรือการกระทำนั้นเข้าข่ายเป็นการ “ให้คำแนะนำด้านการลงทุน” หรือไม่นั้น มี 3 เงื่อนไขหลัก ได้แก่

1.การมีลักษณะเป็นคำแนะนำ เช่น การชักจูงหรือแสดงความเห็นว่าควรซื้อ ถือ หรือขายสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุน ทองคำ หรือคริปโตฯ

2.การทำเป็นกิจกรรมเชิงพาณิชย์หรือทำอย่างต่อเนื่อง เช่น การเปิดเพจ ทำคลิป หรือวิเคราะห์หุ้นเป็นประจำ

3.การได้รับผลตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นรายได้โดยตรง หรือรายได้โดยอ้อมในรูปแบบต่าง ๆ

หากอินฟลูเอนเซอร์กระทำครบทั้งสามเงื่อนไขนี้ จะถือว่าเข้าข่ายต้องมีใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุน (IC License) ตามกฎหมาย

ในส่วนของ “ผลตอบแทน” หรือ “ผลประโยชน์” นั้น ไม่จำกัดเฉพาะเงินสดที่ได้รับทันที แต่รวมถึงรายได้ทางอ้อม เช่น รายได้จากยอดวิวบน YouTube หรือ TikTok รายได้จากสปอนเซอร์ รายได้จาก Affiliate การเพิ่มยอดผู้ติดตามที่นำไปสู่การขายคอร์สหรือรับงานบรรยาย ตลอดจนการสร้างชื่อเสียงหรือโอกาสทางธุรกิจในอนาคต ล้วนถือว่าเป็นผลประโยชน์ที่เข้าข่ายเช่นเดียวกัน ซึ่งหลายคนอาจมองข้ามโดยไม่รู้ตัว

ยกตัวอย่างเช่น หากอินฟลูเอนเซอร์ทำคลิปวิเคราะห์หุ้น แล้วกล่าวว่า “หุ้นตัวนี้พื้นฐานดีมาก ราคานี้เหมาะแก่การซื้อถือยาว” พร้อมทั้งทำคลิปลักษณะนี้เป็นประจำ และมีรายได้จากยอดวิวหรือสปอนเซอร์ ก็จะถือว่าเข้าข่ายครบทั้ง 3 เงื่อนไข คือมีคำแนะนำ มีลักษณะต่อเนื่อง และมีผลตอบแทน ซึ่งหมายความว่าควรต้องมีใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. เพื่อให้ดำเนินกิจกรรมได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ในทางกลับกัน หากอินฟลูเอนเซอร์เพียงแค่ให้ข้อมูลทั่วไป เช่น สรุปข่าว วิเคราะห์งบการเงิน แชร์ความรู้ด้านการเงินส่วนบุคคล หรือเล่าประสบการณ์ส่วนตัว โดยไม่มีถ้อยคำชี้นำ และไม่ได้มีรายได้จากเนื้อหานั้น ก็อาจไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ควรแสดงข้อความปฏิเสธความรับผิด หรือ disclaimer ไว้อย่างชัดเจนทุกครั้ง เช่น “ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการศึกษาเท่านั้น มิใช่คำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล” ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติง่าย ๆ ที่ช่วยลดความเข้าใจผิด พร้อมทั้งแสดงความรับผิดชอบต่อผู้ติดตามอีกด้วย

สรุป หากคุณเป็น Finfluencer หรือกำลังจะเริ่มต้นสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับการเงินและการลงทุน การเข้าใจหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และระมัดระวังการใช้ถ้อยคำ รูปแบบการให้ข้อมูล และแหล่งรายได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถให้ความรู้ทางการเงินแก่ผู้ติดตามได้อย่างมั่นใจ ถูกต้อง และปลอดภัยในระยะยาว

อึ้งย้ง

Back to top button