
ศาลแจงไม่มีอำนาจให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้เงินคดี “จำนำข้าว” แต่เพิกถอนคำสั่งเดิมบางส่วน
สำนักงานศาลปกครอง แจงคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดีโครงการรับจำนำข้าวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นการเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ในส่วนที่เกินกว่า 10,028,861,880.83 บาท พร้อมย้ำ ศาลไม่มีอำนาจพิพากษาให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้เงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 พ.ค. 67) สำนักงานศาลปกครอง ชี้แจงข้อกฎหมายและกระบวนการพิจารณาคดี ระหว่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ฟ้องคดีที่ 1 และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร ผู้ฟ้องคดีที่ 2 กับนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นกับพวกรวม 9 คน ผู้ถูกฟ้องคดี โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับคำสั่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
ประเด็นสำคัญในคดีนี้เริ่มต้นจากคำสั่งกระทรวงการคลัง ซึ่งกำหนดให้นางสาวยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงินสูงถึง 35,717 ล้านบาท คำสั่งดังกล่าวถือเป็นคำสั่งทางปกครองที่ให้ชำระเงิน ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตาม กระทรวงการคลังมีอำนาจใช้มาตรการบังคับทางปกครอง เช่น ยึดหรืออายัดทรัพย์สินเพื่อขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องฟ้องคดีต่อศาลอีก
ต่อมานางสาวยิ่งลักษณ์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย. ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คำสั่งพิพาทนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายบางส่วน จึงมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเฉพาะในส่วนที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 10,029 ล้านบาทนั้น
สำนักงานศาลปกครอง เน้นย้ำว่า ศาลปกครองในคดีนี้มีอำนาจเพียงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมดหรือบางส่วนเท่านั้น ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) และมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ดังนั้น ศาลปกครองสูงสุดจึงมิได้มีคำพิพากษาหรือออกคำบังคับให้นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแต่อย่างใด แต่เป็นการแก้ไขผลของคำสั่งเดิมของกระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ ศาลปกครองยังได้ชี้แจงถึงกระบวนการพิจารณาคดีว่า ศาลปกครองสูงสุดได้นั่งพิจารณาคดีนี้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 และตุลาการผู้พิจารณาทั้งห้าคนได้ลงนามในร่างคำพิพากษาแล้ว และต่อมาประธานศาลปกครองสูงสุดได้นำคดีเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งประกอบด้วยตุลาการทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ ขณะนั้น. หลังมีการจัดทำคำพิพากษาตามมติที่ประชุมใหญ่ ตุลาการในองค์คณะเดิมสองท่านที่พ้นจากราชการไปแล้ว จึงไม่สามารถลงลายมือชื่อในคำพิพากษาได้ ซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดได้บันทึกเหตุจำเป็นนี้ไว้ในคำพิพากษาแล้ว โดยการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนในที่ประชุมใหญ่มีสิทธิทำความเห็นแย้งได้ และได้ปรากฏความเห็นแย้งพร้อมรายชื่อตุลาการไว้ในคำพิพากษาแล้ว