รอความหวัง

ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบจำกัด...และยังพยายามไต่ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,275–1,280 จุดอยู่หลายระลอก แต่สุดท้ายก็โดนแรงขายสวนแบบไม่ทันตั้งตัว


ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบจำกัด…และยังพยายามไต่ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,275–1,280 จุดอยู่หลายระลอก แต่สุดท้ายก็โดนแรงขายสวนแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ดัชนีรูดลงมาปิดที่ระดับ 1,274.82 จุด ลบไป 2.76 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.63 หมื่นล้านบาท เพราะปัจจัยต่างประเทศยังไร้ประเด็นใหม่พอจะพยุงความเชื่อมั่น ขณะที่นักลงทุนต่างรอผลเฟดว่าจะลดดอกเบี้ยตามคาดหรือไม่? และต้องจับตาว่าปี 69 จะลดอีก 2–3 ครั้งตามที่ตลาดหวังหรือเปล่า หากลดน้อยกว่านี้…ระวังจังหวะ Sell off จะมาหลอกหลอนเอานะเพคะ

ส่วนปัจจัยในประเทศ หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย. กระทรวงพาณิชย์รายงานออกมาสูงกว่าคาด บวกกับที่ภาครัฐเดินหน้าอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ก็ทำให้บรรยากาศยิ่งชวนให้ กนง. “ลังเล” ว่าจะลดดอกเบี้ยดีไหม? จึงมีโอกาสสูงที่รอบนี้อาจต้องขอ wait & see ไปก่อน เพื่อประเมินผลกระทบอย่างรอบด้านกันอีกที “โมนิก้า” เลยยังยืนยันเสียงดังฟังชัดว่า ช่วงตลาดไม่นิ่งแบบนี้ การเฟ้นหาหุ้นรายตัวคือวิธีเอาตัวรอดที่ยังต้องทำต่อเนื่องเจ้าค่ะ

มากันที่รายของ AOT บอร์ดไฟเขียวผลเจรจาแก้สัญญาดิวตี้ฟรี 5 สนามบิน คงเก็บ MG เท่าเดิม ขยายเวลาที่ สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ส่งผลให้ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 47.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 4.97% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.07 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองว่า การปรับสัญญาครั้งนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้รายได้ระยะยาว และเป็นปัจจัยบวกหนุน sentiment เชิงบวกให้บริษัทมีโอกาสฟื้นตัวและเก็งกำไรต่อได้ค่ะ

เหมือนรายของ BCH ไม่รีรอ…ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 27.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.87% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 302 ล้านบาท ก็เมื่อ ครม. ไฟเขียวปรับขึ้นกรอบคำนวณเงินสมทบประกันสังคมแบบขั้นบันไดทุก 3 ปี เริ่มปี 69 โดยเพดานใหม่คือ 17,500 / 20,000 / 23,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้เงินสมทบสูงสุดเพิ่มเป็น 875 / 1,000 / 1,150 บาทตามลำดับ “โมนิก้า” มองว่า กระแสแรงแบบนี้ยังมีต่อแน่ ๆ นักลงทุนเก็งกำไรยังวนมาหลายรอบ สถานีถัดไปน่าจะอยู่ที่ 11.10-11.30 บาท เพคะ

รวมถึงรายของ CHG แม้สุดท้ายโดนแรงขายบางส่วนกดให้ราคาปิดที่ 1.56 บาท ลบไป 0.01 บาท หรือลงไป 0.64% มูลค่าการซื้อขาย 20 ล้านบาท แต่กระแสข่าว ครม.เห็นชอบปรับกรอบคำนวณเงินสมทบประกันสังคม ยังเป็นประเด็นช่วยประคอง Sentiment ฝั่งบวกอยู่พอตัว ยิ่งเมื่อมองแนวโน้มไตรมาส 4/2568 ที่เริ่มสดใสขึ้นจากโรคระบาดฤดูกาลดันรายได้ IPD เดือนตุลาคมดีดขึ้น ประกอบกับ รพ.จุฬารัตน์แม่สอดที่คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนแล้ว “โมนิก้า” ก็อดคิดไม่ได้ว่า รอบนี้มีลุ้นเห็นราคาหุ้นขยับกลับไปทดสอบระดับ 1.72 บาทอีกครั้ง ไม่ไกลเกินเอื้อมนะคะ

เมาท์ต่อมาประเด็นขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการนั่งดื่มภายในร้าน ทาง “โมนิก้า” เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกับกูรู ว่าหุ้น CBG รับประโยชน์ตามไปด้วย คาดช่วยหนุนให้รายได้จากธุรกิจจัดจำหน่าย ทำออลไทม์ไฮต่อเนื่อง และยอดขายอื่น ๆ ขยายตัว จากรายได้จากการขาย “บรรจุภัณฑ์” ให้กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้น จากราคาหุ้นปิดที่ระดับ 44.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110 ล้านบาท อาจเป็นช่วงจังหวะเข้าเก็งกำไรได้เจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับรายของ CPAXT  การขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น่าจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกให้หน้าร้านคึกคักขึ้น และยังเด้งมาหนุนรายได้ฝั่ง Food ให้ขยายตัวตามไปด้วยแบบไม่ต้องลุ้นเยอะ…งานนี้ราคาหุ้นเลยตอบรับไวราวลงคาถา…แม้ปิดตลาดย่อตัวลงปิดที่ 16.40 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.20% มูลค่าการซื้อขาย  90 ล้านบาท ยิ่งเมื่อกูรูประเมินกำไรทั้งปีไว้ระดับ 1.05 หมื่นล้านบาท ยังคงราคาเป้าหมาย 23 บาท ก็ยิ่งทำให้ “โมนิก้า”แอบหวังในใจว่า…เส้นทางขึ้นไปแตะเป้าหมายคงไม่ยาวนานจนเหนื่อยหอบนะเพคะ

ปิดท้ายด้วยรายของ BBL ถือว่าเป็นตัวที่มีกำไรจำหน่ายตัวดี งบดุลแข็งแกร่ง และมูลค่าที่น่าสนใจ ด้วยสถานะเงินกองทุนที่ฟื้นตัว และสำรองหนี้สูญที่อยู่ในระดับสูง ธนาคารพร้อมที่จะเพิ่มเงินปันผลและขยายการเติบโตระยะยาวผ่านธุรกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะ Permata Bank ในอินโดนีเซีย “โมนิก้า” มองเชิงลึกว่าผลดังกล่าวอาจดึงนักลงทุนสถาบันเข้ามาเต็ม ๆ ทั้งนี้จากราคาหุ้นปิดที่ระดับ 165.50 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 2.16% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.61พันล้านบาท หากทะลุบริเวณแนวต้าน 165 บาทได้แบบฉลุย สถานีถัดไปยาวไปยาวไปเพคะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button