
TPOLY โต้ผู้ว่าจ้าง ปมบอกเลิกสัญญา-ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 552 ลบ. ชี้ศาลรับคำฟ้องแล้ว
TPOLY แจงข้อพิพาท ผู้ว่าจ้างยกเลิกสัญญา “โครงการ ปี 64” หลังพบปัญหารอยร้าว เรียกค่าเสียหาย 522 ล้านบาท ขณะที่บริษัทหยุดปฏิบัติงาน เหตุแบบก่อสร้างแก้ไขไม่สมบูรณ์ ยันยื่นฟ้องกลับต่อศาลพิสูจน์ข้อเท็จจริง พร้อมเรียกค่าเสียหายคืน 224 ล้านบาท
นายปฐมพล สาวทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY แจ้งผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สืบเนื่องจากกรณีการได้รับหนังสือขอบอกเลิกสัญญาจ้างจากผู้ว่าจ้างและจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย บริษัทขอเรียนแจ้งข้อมูลและความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยมีรายละเอียดข้อพิพาทและประเด็นที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
บริษัทได้รับจ้างก่อสร้างโครงการแห่งหนึ่งเมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 และเมื่อปลายปี พ.ศ. 2566 บริษัทพบว่าเมื่อได้ก่อสร้างตามแบบซึ่งบริษัทได้รับจากผู้ว่าจ้าง ปรากฏมีรอยร้าวที่อาจส่งผลกระทบทำให้อาคารเสียหาย บริษัทจึงแจ้งไปยังผู้ว่าจ้างเพื่อให้รับทราบและรีบดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขแบบ ผู้ว่าจ้างจึงมีคำสั่งให้หยุดการก่อสร้างชั่วคราวเพื่อแก้ไขแบบ
จนเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2567 ผู้ว่างมีคำสั่งให้บริษัทเข้าปฏิบัติงานต่อตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 เป็นต้นไป บริษัทไม่ได้เข้าปฏิบัติงานในวันดังกล่าว โดยได้ทำหนังสือชี้แจงว่าเนื่อง จากแบบก่อสร้างซึ่งส่งมาพร้อมหนังสือยังมิใช่แบบแก้ไขฉบับสมบูรณ์ที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าจ้างเพื่อให้เป็นแบบแนบท้ายสัญญาและเนื่องจากเป็นแบบก่อสร้างแก้ไขเสริมเพิ่มความแข็งแรงโครงสร้างที่ก่อสร้างไปแล้ว
วิธีการก่อสร้างต้องใช้เทคนิคขั้นตอนการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง ที่แตกต่างจากงานก่อสร้างทั่วไปมาก มีผลกระทบต่อราคาวัสดุและค่าแรง ทำให้แบบที่จะแก้ไขนี้ ต้องสรุปตกลงราคามูลค่างานที่ให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงให้แล้วเสร็จก่อน ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568 บริษัทได้รับหนังสือขอบอกเลิกสัญญาจ้างและจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท จำนวนเงินรวม 552.26 ล้านบาท โดยอ้างว่าเกิดความเสียหายจากการก่อสร้างล่าช้า ผลงานก่อสร้างไม่เป็นไปตามมาตรฐานด้านวิศวกรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 บริษัทได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าจ้างเพื่อขี้แจงและปฏิเสธความรับผิด รวมทั้งขอให้ผู้ว่าจ้างชำระค่าเสียหายและขอให้คืนหลักประกัน และเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2568 บริษัทได้ยื่นเอกสารคำฟ้องคู่กรณีต่อ ศาลปกครองกลาง โดยมีบางคำร้องที่ศาลพิจารณาและมีคำสั่งเรื่องคำร้องในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ปัจจุบันคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ขณะที่ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับการดำเนินงานของบริษัท บริษัทยังคงประกอบธุรกิจต่อไปได้ ในส่วนของคดีความเป็นเรื่องของการใช้ความยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามที่บริษัทมีหนังสือปฏิเสธเรื่องความรับผิดไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจปกติของบริษัท
ส่วนประมาณการค่าเสียหายหรือเงินชดเชยที่บริษัทต้องจ่ายหรือได้รับ ค่าเสียหายที่ทางบริษัทเรียกร้องตามคำฟ้องประมาณ 224.43 ล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ส่วนค่าเสียหายที่ทางผู้ว่าจ้างเรียกร้องตามหนังสือขอยกเลิกสัญญาจ้างและแจ้งว่าจะฟ้องประมาณ 552.26 ล้านบาท โดยบริษัทจะดำเนินการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายและหากมีความคืบหน้าประการใด บริษัทจะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบต่อไป