“ดาวโจนส์” ปิดลบ 92 จุด กังวลเศรษฐกิจสหรัฐ พ่วงภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 91.90 จุด หลังข้อมูลเศรษฐกิจชะลอตัว-จ้างงานเอกชนต่ำสุดในรอบ 2 ปี ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า และมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียมของสหรัฐฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธที่ (4 มิ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง จากแรงกดดันข้อมูลเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการค้า

สำหรับดัชนีดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 42,427.74 จุด ลดลง 91.90 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 5,970.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด หรือ 0.0074% และดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 19,460.49 จุด เพิ่มขึ้น 61.53 จุด หรือ +0.32%

อย่างไรก็ตาม รายงานจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการ (Services PMI) สำหรับเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 49.9 จุด ซึ่งสะท้อนการหดตัวครั้งแรกในรอบเกือบหนึ่งปี บ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของกิจกรรมบริการในประเทศ ขณะที่ราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นยังคงเป็นปัจจัยผลักดันต้นทุนการผลิต เพิ่มแรงกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า

ด้าน รายงานการจ้างงานจากบริษัท ADP ชี้ว่า ภาคเอกชนของสหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 37,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง และต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์อย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนจึงจับตาการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานและทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางการค้าก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันความเชื่อมั่นของตลาด โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิถุนายน 2568  โดยสหราชอาณาจักร เป็นประเทศเดียวตามข้อตกลงการค้าเบื้องต้นก่อนหน้านี้

ขณะที่ประเทศคู่ค้ารายใหญ่อื่น ๆ เช่น แคนาดาและเม็กซิโก ยังคงอยู่ในข่ายการเก็บภาษี ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดเส้นตายวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ในการรับข้อเสนอทางเลือกจากประเทศคู่ค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีเพิ่มเติมในเดือนกรกฎาคม หากไม่มีข้อตกลงใหม่เกิดขึ้น

อีกด้านหนึ่ง นักลงทุนเฝ้ารอความชัดเจนจากความพยายามฟื้นการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีน โดยมีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในเร็ว ๆ นี้ เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า แม้หลายฝ่ายมองว่าความเป็นไปได้ของข้อตกลงสำคัญยังคงจำกัด เนื่องจากความเห็นต่างในเรื่องการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงและทรัพยากรสำคัญยังคงดำรงอยู่

Back to top button