“ดาวโจนส์” ปิดบวก 300 จุด รับข่าว “อิหร่าน-อิสราเอล” พร้อมเจรจายุติสงคราม

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกนำโดย Nasdaq พุ่งกว่า 1.5% หลังมีรายงานข่าวว่า “อิหร่าน” ส่งสัญญาณพร้อทเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งกับ “อิสราเอล” ขณะที่ตลาดจับตาผลประชุมเฟดสัปดาห์นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568 โดยได้แรงหนุนจากรายงานว่าอิหร่านส่งสัญญาณพร้อมเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งกับอิสราเอล ซึ่งช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวขึ้นจากราคาพลังงานที่สูง

ด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,515.09 จุด เพิ่มขึ้น 317.30 จุด หรือ +0.75%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,033.11 จุด เพิ่มขึ้น 56.14 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,701.21 จุด เพิ่มขึ้น 294.39 จุด หรือ +1.52%

ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงกว่า 1.6% หลังจากสื่อรายงานว่า อิหร่านส่งสัญญาณความพร้อมกลับมาเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ หากอิสราเอลยุติการโจมตี โดยอิหร่านได้ถ่ายทอดเจตจำนงนี้ผ่านชาติอาหรับที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า อิหร่านได้เรียกร้องให้กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน ช่วยกดดันให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใช้อิทธิพลผลักดันให้อิสราเอลตกลงหยุดยิง โดยอิหร่านพร้อมเสนอความยืดหยุ่นในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการยุติการปะทะ

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ในวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 7% ท่ามกลางความวิตกว่าการโจมตีทางอากาศระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอาจกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นสื่อสารและเทคโนโลยีในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำตลาดด้วยการปรับขึ้น 1.53% และ 1.52% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและเฮลธ์แคร์อ่อนตัวลงเล็กน้อย

ด้านดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ของตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 3.03% นำโดยหุ้นของบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) ที่ทะยานขึ้น 8.81% หลัง Piper Sandler ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้น

หุ้นบริษัทโลจิสติกส์รายใหญ่อย่าง UPS และ FedEx ต่างขยับขึ้นกว่า 1% หลังบริษัท Trump Organization เปิดตัวสมาร์ตโฟน “Trump Mobile” โดยเลือกทั้งสองบริษัทเป็นพันธมิตรด้านการจัดส่ง

ขณะที่หุ้น U.S. Steel พุ่งขึ้น 5.1% หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อนุมัติให้ Nippon Steel จากญี่ปุ่นเข้าซื้อกิจการด้วยวงเงิน 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์

นักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระหว่างวันที่ 17-18 มิถุนายนนี้ โดยมีการคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25-4.50%

นอกจากนี้ ตลาดยังเฝ้ารอฟังถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อประเมินแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี รวมถึงรายงานประมาณการเศรษฐกิจของเฟด ทั้งในส่วนของ GDP อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจน Dot Plot ซึ่งจะเป็นสัญญาณสำคัญต่อทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า

Back to top button