
BCH ตีปีก! รอข่าวดี “สปส.” เพิ่มจ่ายโรคร้ายอีก 6 เดือน โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 18.50 บาท
BCH ลุ้นรับข่าวดี สปส. ต่ออายุเบิกจ่ายค่ารักษาโรคร้ายแรงคงที่ 12,000 บาทต่อรายไปอีก 6 เดือน ชงบอร์ดใหญ่ สปส. อนุมัติภายใน 1 เดือน ส่งซิกงบ Q2/68 โตสวนโลว์ซีซั่น และพีกสุด Q3/68 รับไฮซีซั่น โบรกฯ เชียร์ซื้อเป้า 18.50 บาท
ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้มีมติต่ออายุอัตราเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (Adj RW มากกว่า 2) เป็นจำนวน 12,000 บาทต่อราย ไปอีก 6 เดือน
ซึ่งเป็นไปตามสัญญาที่ สปส.ให้ไว้รอบก่อนว่าจะมีการพิจารณาใหม่เมื่อครบทุก 6 เดือน ส่งผลให้ทั้งปี 2568 มีอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง 12,000 บาทต่อรายตลอดทั้งปี มองเป็นผลบวกต่อกลุ่ม BCH และกลุ่มโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยประกันสังคม ซึ่งคาดว่ามติดังกล่าวจะเสนอต่อคณะกรรมการประกันสังคมชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไปภายใน 1 เดือนนับจากนี้
ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่ม BCH ถือเป็นผู้รับการรักษาสิทธิ์ประกันสังคมสูงสุดมากกว่า 1 ล้านราย และในอนาคตอันใกล้
คณะกรรมการประกันสังคมอาจจะมีการพิจารณาเตรียมเพิ่มวงเงินการรักษาเกี่ยวกับทันตกรรมเพิ่มเติมด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะส่งผลบวกต่อกลุ่ม BCH ด้วยเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของ BCH ในไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีโอกาสเติบโตมากกว่าไตรมาสก่อน เนื่องจากฤดูฝนมาเร็วกว่าปกติ ทำให้โรคประจำฤดู เช่น ไข้หวัด หนุนผู้ป่วยนอก(OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) มีจำนวนเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 จะเป็นไตรมาสที่ทำจุดสูงสุด (Peak) เนื่องจากเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล และผู้ป่วยตะวันออกกลางกลับมาใช้บริการรักษาที่โรงพยาบาลในเครือ BCH เป็นปกติ โดยเฉพาะชาวคูเวตที่กลับมารักษาและจ่ายเงินกันเอง ทำให้ผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 บริษัทยังคงเป้าหมายจะมีรายได้จากการให้บริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้น 8-10% จากปี 2567 ที่มีรายได้จากการให้บริการทางการแพทย์ 11,800 ล้านบาท
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คณะกรรมการประกันสังคมได้มีมติต่ออายุอัตราเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงในกลุ่ม Adj RW มากกว่า 2 เป็นจำนวน 12,000 บาทต่อราย โดยจะใช้กับโรงพยาบาลคู่สัญญาเดิมของประกันสังคม และจะมีผลต่อเนื่องอีก 6 เดือนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 นั้น หากคณะกรรมการประกันสังคมอนุมัติอย่างเป็นทางการ จะช่วยคลายความกังวลเรื่องความเสี่ยงการปรับลดอัตราเบิกจ่ายในปี 2568 ซึ่งเคยเป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อกลุ่มโรงพยาบาลภายใต้ระบบประกันสังคม ซึ่ง BCH และ CHG จะได้ประโยชน์สูงสุดจากมติดังกล่าว เนื่องจากรายได้จากประกันสังคมคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35% ของรายได้รวมของ BCH และ 30% ของ CHG ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังเปิดทางสู่การขยับเพดานจ่ายเพิ่มขึ้นหากมีงบส่วนเกินเพียงพอ โดยประกันสังคมอาจมีโอกาสปรับเพดานจ่ายจาก 12,000 บาท เป็น 13,000-14,000 บาทในอนาคต หากแรงกดดันจากเงินเฟ้อทางการแพทย์ และความซับซ้อนของเคสยังเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านอัตรากำไรของโรงพยาบาล และเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนอย่างยั่งยืน จึงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BCH และให้ราคาเป้าหมาย 18.50 บาท
ขณะที่บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า ราคาหุ้นของ BCH มีปัจจัยกระตุ้นจากการเป็นหุ้น Defensive (หุ้นที่มีความผันผวนต่ำ และสามารถสร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอ) จากแนวโน้มรายได้ในเดือนเมษายน ถึงเดือนพฤษภาคม 2568 จะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะปกติแล้วไตรมาส 2 ของทุกปีจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ และคงมีมุมมองเชิงบวกว่ากำไรปกติของ BCH จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 15% ในปี 2568 เป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มการแพทย์
ส่วนบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คณะกรรมการสำนักงานประกันสังคม เห็นชอบจ่ายค่ารักษากรณีโรคร้ายแรงคงที่ 12,000 บาทต่อ RW ต่ออีก 6 เดือนสำหรับปี 2568 และเตรียมส่งเรื่องให้คณะกรรมการประกันสังคมชุดใหญ่อนุมัติในการประชุมครั้งถัดไป มองเป็นผลบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลรับรักษาผู้ป่วยประกันสังคมอย่าง BCH และบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG