
ดาวโจนส์ร่วง 300 จุด! ผวาสงครามตะวันออกกลาง-ค้าปลีก “สหรัฐ” ดิ่งแรง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงในวันอังคาร ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่สหรัฐฯ เริ่มมีบทบาทชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศออกมาต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันอังคาร (17 มิ.ย.68) โดยดัชนีสำคัญทั้งสามตัว ปรับลดลงจากแรงกังวลสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล ที่อาจลุกลามบานปลาย จนสหรัฐฯ ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคม ลดลงมากกว่าคาดสะท้อนการชะลอตัวของกำลังซื้อในประเทศ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 42,215.80 จุด ลดลง 299.29 จุด หรือ -0.70%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 5,982.72 จุด ลดลง 50.39 จุด หรือ -0.84%
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 19,09 จุด ลดลง 180.12 จุด หรือ -0.91%
นักลงทุนจับตาพัฒนาการของความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล หลังมีรายงานว่าเกิดเหตุโจมตีหลายจุดในภูมิภาค และมีการปรับกำลังทหารสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในกลุ่มเทคโนโลยีและผู้บริโภค ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรงกว่า 4% จากความกังวลด้านอุปทาน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคมลดลง -0.9% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ -0.6% สะท้อนการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนที่เริ่มชะลอตัว
ด้านดัชนีความผันผวนของตลาด (VIX) พุ่งขึ้นกว่า 13% แตะระดับ 21.6 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ สะท้อนแรงกังวลของนักลงทุนต่อความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในระดับภูมิรัฐศาสตร์
กลุ่มพลังงาน เป็นกลุ่มเดียวที่ปิดบวกตามราคาน้ำมัน โดยหุ้น Chevron และ Marathon Petroleum ปรับตัวขึ้นราว 2–3% ขณะที่ กลุ่มพลังงานสะอาด เช่น Invesco Solar ETF ปรับตัวลดลงกว่า 9% หลังมีรายงานว่า รัฐบาลอาจยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีบางส่วนสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียน
นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets ระบุว่า หากความขัดแย้งในตะวันออกกลางลุกลาม และทำให้ราคาน้ำมันทะลุระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจสร้างแรงกดดันต่อดัชนี S&P 500 และภาวะเงินเฟ้อในระยะต่อไป
ด้าน Barron’s ระบุว่า แม้ดัชนีจะอ่อนตัวในวันนี้ แต่ภาคพลังงานและการป้องกันความเสี่ยงผ่านทองคำและพันธบัตรรัฐบาล ยังเป็นทางเลือกที่นักลงทุนทยอยเข้าถือ
ทั้งนี้ ความผันผวนในตลาดการเงินโลกอาจส่งผลต่อกระแสเงินทุนในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย ซึ่งต้องจับตาท่าทีธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้