
CGSI ลดน้ำหนักลงทุน “กลุ่มน้ำมัน-ก๊าซ” รับแรงกดดันต้นทุน Q3 พุ่ง
CGSI ชี้ความตึงเครียดตะวันออกกลางดันราคาน้ำมันดิบพุ่ง-ค่าขนส่งสูงขึ้นกระทบต้นทุนโรงกลั่นไทยในไตรมาส 3/68 จึงลดน้ำหนักการลงทุน แต่ยังชูหุ้น SPRC เป็นท็อปพิกกลุ่ม
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยในบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า ราคาน้ำมันดิบ Murban ซึ่งเป็นน้ำมันดิบชนิดเบาที่ผลิตจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยหลีกเลี่ยงการส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ผ่านทางท่าเรือ Jebel Dhana ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Murban ในตลาด ICE Future Abu Dhabi (IFAD) สำหรับการจัดส่งเดือนกรกฎาคม 2568 ปรับขึ้นเป็น 3.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากระดับ 1.22 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม
พร้อมกันนี้ ราคาพรีเมียมของน้ำมันดิบ Labuan เมื่อเทียบกับน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ลดลงมาอยู่ที่ 9.8 ดอลลาร์/บาร์เรลสำหรับการจัดส่งเดือนกรกฎาคม แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 1.5-2.0 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนสิงหาคม ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นในเอเชีย นอกจากนี้ ค่าขนส่งทางทะเลสำหรับเรือขนาด VLCC ได้ปรับตัวขึ้นจาก 1.1 ดอลลาร์/บาร์เรลในต้นเดือนมิถุนายน เป็น 1.8 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงกลางเดือน ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อค่าการกลั่นตลาด (GRM) ของโรงกลั่นในประเทศไทย
ในส่วนของ crack spread น้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชีย เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 18-19 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 15-16 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม อันเป็นผลมาจากการหยุดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในเอเชีย อุปสงค์นำเข้าที่แข็งแกร่งจากสิงคโปร์ และการผลิตที่ลดลงในมาเลเซีย ขณะที่จีนมีการส่งออกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 520,000 บาร์เรล/วันในเดือนพฤษภาคม ซึ่งลดลง 51% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมาร์จินการส่งออกยังคงติดลบ
ขณะเดียวกัน ราคาของ HSFO (High Sulphur Fuel Oil) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่หนุนค่าการกลั่นแบบ Simple GRM ได้ปรับลดลงเหลือต่ำกว่า 2 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับสูงสุดที่ 4.4 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ตามการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ราคาจะปรับเพิ่ม หากการขนส่ง HSFO ผ่านช่องแคบฮอร์มุซได้รับผลกระทบ เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักในการส่งออกจากอิรัก ซาอุดิอาระเบีย และอิหร่านมายังภูมิภาคเอเชีย สหรัฐ และยุโรป
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า ราคาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน จะเริ่มส่งผลต่อค่าการกลั่นของโรงกลั่นไทยในไตรมาส 3/2568 โดยเฉพาะบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ที่ใช้น้ำมันดิบ Murban เป็นหลัก และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ที่ใช้น้ำมันดิบจากตะวันออกไกล
อย่างไรก็ดี แม้ว่า crack spread ของผลิตภัณฑ์กลั่น เช่น น้ำมันดีเซลและเบนซิน จะอาจลดลงเมื่อโรงกลั่นทั่วโลกทยอยเปิดดำเนินการหลังการซ่อมบำรุง แต่ความเสี่ยงจากการปิดช่องแคบฮอร์มุซอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนผลิตภัณฑ์ และดันราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอาจหักล้างประโยชน์จากราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น
CGSI จึงยังคงคำแนะนำ “ลดน้ำหนักการลงทุน” (Underweight) ในกลุ่มน้ำมันและก๊าซ โดยให้เหตุผลว่าอุปสงค์ยังคงมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายภาษีและท่าทีทางการทูตของสหรัฐ ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานอาจได้รับแรงกดดันหากความต้องการน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ ส่วนความเสี่ยงเชิงบวก (Upside risk) จะมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง โดย SPRC ยังเป็นหุ้นที่ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำเป็น Top pick ในกลุ่มโรงกลั่น