
แม่ทัพภาค 4 คุมเข้ม “เมืองท่องเที่ยว” หลังพบ “วัตถุต้องสงสัย” หวั่นเชื่อมโยงโจรใต้
พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งคุมเข้มมาตรการความปลอดภัยเมืองท่องเที่ยว หลังพบวัตถุต้องสงสัยหลายจุด หวั่นเชื่อมโยงกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงชายแดนใต้ สร้างสถานการณ์ลดทอนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (27 มิ.ย. 68) พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) กล่าวว่า จากการที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมวัตถุระเบิดในรถยนต์ส่วนบุคคล ในพื้นที่ สภ.เมืองพังงา ซึ่งได้นำไปสู่การสอบปากคำและตรวจสอบหลักฐานกล้องวงจรปิด ยืนยันได้ว่าผู้ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเดียวกันกับที่เคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
โดยเมื่อวานนี้ 26 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 9 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้นำกำลังขยายผลตรวจค้นพื้นที่จังหวัดปัตตานี 4 จุด เข้าจับกุมผู้ร่วมขบวนการขนวัตถุระเบิดป่วนจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา ได้เพิ่มอีก 3 คน จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุรับสารภาพได้รับคำสั่งจากแกนนำกลุ่มขบวนการหวังสร้างสถานการณ์ลดทอนความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เมืองเศรษฐกิจทะเลอันดามัน คือ พังงา ภูเก็ต กระบี่
ส่วนวัตถุระเบิดที่ตรวจพบนั้น ไม่ใช่ระเบิดทำลายหรือระเบิดสังหาร เป็นเพียงระเบิดสร้างสถานการณ์ให้เกิดความหวาดกลัวต่อประชาชนหรือนักท่องเที่ยวเท่านั้น
“ทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่เข้มงวด ควบคู่กับการเฝ้าระวังกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อาจจะไปก่อเหตุสร้างสถานการณ์นอกพื้นที่ซ้ำมากขึ้น สิ่งสำคัญ คือ เครือข่ายภาคประชาชนต้องร่วมกันเฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น หากพบบุคคลต้องสงสัย แจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ทันที” พล.ท.ไพศาล กล่าว
ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้เกิดสถานการณ์ป่วนเมืองจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบวางวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้ ทั้งที่ จ.ปัตตานี ภูเก็ต กระบี่ และพังงา
โดยศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่ สภ.กะพ้อ จังหวัดปัตตานี รวม 5 จุด ประกอบด้วย ต.กะรุบี อ.กะพ้ 2 จุด, ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ 1 จุด และ ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ 2 จุด ซึ่งทุกจุดภายหลังการเข้าตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานแล้ว พบว่าเป็นการประกอบระเบิดของปลอมทั้งสิ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพังงา ได้จับกุมชายชาวปัตตานี 2 ราย โดยได้เค้นสอบจนสารภาพว่านำระเบิดไปลักลอบวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ 1.ท่าอากาศยานภูเก็ต 1 ลูก 2.แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต 1 ลูก 3.หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต 2 ลูก 4.หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต 2 ลูก และ 5.หาดอ่าวนาง จ.กระบี่ 5 ลูก
ทั้งนี้ เจ้าหน้า EOD ได้เก็บกู้วัตถุต้องสงสัย บริเวณหลังป้ายที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี (บริเวณชายหาดนพรัตน์ธารา) ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่
นอกจากนี้ ยังเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยเป็นผงสารเคมีและอุปกรณ์จุดชนวนตั้งเวลาคล้ายกับที่จับกุมได้ที่ จ.พังงา บริเวณประติมากรรมไม้มะหาด ริมทะเลหน้าเมืองกระบี่ ถ.อุตรกิจ อ.เมืองกระบี่ รวมไปถึงเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยในแก้วน้ำฝักไว้ในทรายใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ บริเวณชายหาดป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ห่างจากป้อมตำรวจบางลา ประมาณ 400 เมตร
ขณะเดียวกัน ยังยิงทำลายวัตถุต้องสงสัย บริเวณจุดชมวิวแหลมพรหมเทพ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ในกระป๋องถั่วอบ ซุกอยู่ในซอกปูนซีเมนต์บริเวณจุดชมพระอาทิตย์ตก มีนาฬิกาตั้งเวลา 118 ชั่วโมง รวมทั้งมีการเก็บกู้วัตถุต้องสงสัย บริเวณป้ายจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา แล้วปิดทับด้วยหินเทียม
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า กรณีมีผู้ลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต, พังงา และกระบี่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อขยายผล ซึ่งต้องรอให้ผลการสืบสวนออกมาก่อน ขณะนี้จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเหตุดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ อีกทั้งไม่มีนัยสำคัญทางการเมือง และไม่มีข้อสรุปถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
“การนำเรื่องนี้ไปขยายความ อยากให้สื่อมวลชนช่วยกันประคับประคอง เพราะขณะนี้ มีการสร้างเงื่อนไขให้ประเทศเราอ่อนแอ เพื่อผลทางการเมืองของหลายฝ่าย อยากให้ระมัดระวังเรื่องนี้” นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนที่ประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บ่ายวันนี้ จะมีการหารือถึงสถานการณ์ดังกล่าวหรือไม่ขึ้น อยู่กับเลขาธิการ สมช.ว่าจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมหรือไม่ พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นถึงการทบทวนมาตรการชายแดนไทย-เมียนมา