
ANAN เด้ง 3% รับแก้ปมทางออก “แอชตัน อโศก” ยื่นขอใบอนุญาตสร้างใหม่ปีนี้
ANAN บวก 3% ตอบรับความคีบหน้าข้อพิพาททางออกโครงการ “แอชตัน อโศก” เตรียมยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ภายในปีนี้ ย้ำตุนแบ็กล็อกโอนปี 68 มูลค่า 12,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (1 ก.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ณ เวลา 10:06 น. อยู่ที่ระดับ 0.38 บวก 2.70% สูงสุดที่ระดับ 0.39 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.38 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.13 ล้านบาท
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ANAN เปิดเผยว่าความคืบหน้าคดีของ โครงการแอชตัน อโศก ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า โครงการแอชตัน อโศก ไม่ต้องทุบทิ้ง และศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างเดิมสิ้นสุดลง โดยให้ขอใบอนุญาตใหม่อีกครั้ง และให้มีผลย้อนหลังได้ โดยคาดว่าใบอนุญาตใหม่น่าจะออกได้ภายในปี 2568 ซึ่งหลังจากได้ใบอนุญาตใหม่จะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด
ในช่วงที่ผ่านมา ANAN ได้การรักษาสภาพคล่องและรักษาชื่อเสียงทางด้านเครดิตทางการเงิน ด้วยการชำระคืนหุ้นกู้และชำระคืนหนี้ให้กับสถาบันการเงิน โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการชำระหุ้นกู้ไปในวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินไปประมาณ 5,000 ล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 25,000 ล้านบาท โดยไม่มีการชำระล่าช้ากว่ากำหนดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
ส่วนโอกาสในวิกฤตปัจจุบัน มาจากการมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่บริษัทได้มีการปรับตัวในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการบริหารพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) โดยจะมี Backlog ที่จะโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2568 ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งหลัก ๆ มาจาก 3 โครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ ได้แก่ 1.โครงการ คัลเจอร์จุฬาฯ, 2.โครงการ คัลเจอร์ ทองหล่อ และ 3.โครงการ ไอดีโอ รามคำแหง-ลำสาลี สเตชั่น ซึ่งทั้งสามโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ
สำหรับโครงการ ไอดีโอ รามคำแหง-ลำสาลี สเตชั่น (มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท) เริ่มโอนกรรมสิทธิ์แล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยภายในช่วง 30 วันที่มีการโอนกรรมสิทธิ์สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้แล้วประมาณ 30-40% ของมูลค่าโครงการ สะท้อนถึงดีมานด์ที่ยังคงมีอยู่ และศักยภาพของสินค้าตั้งอยู่ในทำเลที่ดี
ส่วนอีก 2 โครงการ คือโครงการ คัลเจอร์จุฬาฯ และโครงการ คัลเจอร์ ทองหล่อ เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมาก ประกอบกับราคานี้จะไม่มีอีกแล้ว ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าว มี Backlog รอรับรู้รายได้อยู่แล้วประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีสต๊อกสินค้ารองรับการขายในมืออีกมูลค่า 18,000 ล้านบาท ถือเป็นจังหวะที่ดีในการประคองให้บริษัทมีรายได้ต่อไปได้ในภาวะที่ตลาดยากลำบากในช่วง 1-2 ปีนี้
นายประเสริฐ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้อยู่ในช่วงที่เรียกว่า “The Perfect Storm” หรือมรสุมที่รุมเร้า เนื่องจากภายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากทั้งปัจจัยภายในประเทศ ปัจจัยภายนอกประเทศ และยังมีภัยธรรมชาติที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่ต้องรับมือให้ได้ โดยปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยลบทั้งสิ้น แม้จะมีมาตรการกระตุ้น หรือมาตรการประคับประคองก็ตาม
ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว คือ จะต้องมีความระมัดระวังในการขยายธุรกิจ และประคับประคองให้ธุรกิจ โดยบริษัทคาดว่าตัวเลขของผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2568 จะเข้าสู่โหมดถดถอย แล้วจะเข้าสู่โหมด “Hard landing” หรือ การลงจอดอย่างหนัก จากไตรมาส 1/2568 ซึ่งในภาวะเช่นนี้ทุกคนจะต้องรัดเข็มขัดให้แน่น เพราะเป็นการลงแบบตกกระแทก เพื่อรองรับสถานการณ์ “Hard landing” นี้ให้ได้
โดยในสถานการณ์ปัจจุบันบริษัทมองว่าสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจคืออะไร และควรให้ความสำคัญกับเรื่องของ Liquidity (สภาพคล่อง) ซึ่งต้องมีความ ระมัดระวังในการขยายการลงทุนให้มีความแม่นยำ หรืออาจจะต้องรอดูสัญญาณให้เริ่มเห็นการฟื้นตัวก่อนแล้วค่อยลงทุน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การมีสภาพคล่องที่ดีจะเป็นส่วนช่วยในการประคับประคองให้บริษัทผ่านช่วงเวลานี้ไปได้
“สถานการณ์นี้จะยังคงอยู่กับเราไปอีกซักระยะ หรือประมาณ 1-2 ปีแน่ ๆ การมีสภาพคล่องที่ดีจะช่วยประคองให้ธุรกิจเดินต่อไปแล้ว และผู้ที่มีความอึด มีความอดทนพอที่จะผ่านช่วง The Perfect Storm นี้ไปได้ ก็จะเป็นผู้ชนะ และจะเป็นผู้ที่ได้เก็บกินตลาดหลังจากที่มีผู้ที่ถดถอย หรือล้มหายตายจากไปจากวิกฤตนี้ ซึ่งการที่บริษัทมีวินัยทางการเงินในการชำระหนี้กับเจ้าหนี้ ทั้งหุ้นกู้ และสถาบันการเงิน ทำให้ ANAN ได้รับความไว้วางใจและสนับสนุนในจากสถาบันการเงินโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ในภาวะที่ยากลำบากที่สุดนี้” นายประเสริฐ กล่าว