ศาลรัฐธรรมนูญกับอนาคตรัฐบาลไทย

ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ผันผวนตั้งแต่เช้า เพราะนักลงทุนกลุ่มหลักทั้งหลายกำลังลุ้นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินรับคำร้องของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเรื่องคลิปเสียง


ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ผันผวนตั้งแต่เช้า เพราะนักลงทุนกลุ่มหลัก ได้แก่นักลงทุนสถาบันและป๊อปเทรดหรือนักลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลายกำลังลุ้นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินรับคำร้องของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยตลาดเชื่อมั่นว่าหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ก็จะบ่งชี้ว่าทิศทางการเมืองไทยจะเป็นไปในเชิงลบ

ประเด็นดังกล่าว แม้ทางพรรคเพื่อไทยจะแก้เกมด้วยการปรับ ครม.เป็นอุ๊งอิ๊ง 2 ที่ไม่มีพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลด้วย กลับทำให้เสียงของรัฐบาลอ่อนยวบลงอย่างมีนัยสำคัญ และน้ำเสียงของสว. ก็มีแนวโน้มคล้อยตามเสียงกลุ่มต่อต้านรัฐบาลมากขึ้นตามกระแสที่ออกมา

เพียงแต่องค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญดูจะมีน้ำหนักมากกว่ากระแสอื่น ๆ เพราะที่ผ่านมาการเปลี่ยนรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ก็ถูกกระทำด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการพุ่งเป้าไปที่ศาลรัฐธรรมนูญของนักลงทุนจึงเป็นสิ่งที่มีน้ำหนักในทิศทางการเมืองของไทยที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น

ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย กับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 ให้นางสาวแพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำร้องของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าเป็นความพ่ายแพ้ยกแรกของรัฐบาลเพราะทำให้รัฐบาลแพทองธารหมดสิ้นความชอบธรรมที่จะบริหารบ้านเมืองต่อไปเนื่องจากมีความสุ่มเสี่ยงจะถูกเล่นงานโดยศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว อันเป็นธรรมชาติของการเมืองไทยในยุคที่มีการยุบพรรคการเมืองอย่างง่ายดายโดยอาศัยคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญอย่างที่เราได้เห็นมาหลายต่อหลายครั้ง 

ตลาดหุ้นไทยวานนี้กลับปรับตัวขึ้นทันที หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่า แนวรับที่แท้จริงของตลาดอยู่ที่ระดับ 1,000 จุด

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button