“บล.ฟิลลิป” แนะ “ซื้อ” MAJOR เป้า 12.80 บ. ลุ้นกำไรครึ่งปีหลังฟื้น รับหนังใหญ่ทยอยเข้า

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมิน MAJOR กำไรครึ่งหลังปี 68 ฟื้นตัว เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า รับอานิสงส์หนังฟอร์มใหญ่ทยอยเข้า โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.80 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเมินแนวโน้มผลประกอบการของ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากไลน์อัปภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์และภาพยนตร์ไทยภาคต่อที่ได้รับความนิยมสูงในอดีต ซึ่งจะช่วยกระตุ้นรายได้จากการขายตั๋วและสินค้าในโรงภาพยนตร์ให้ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก

โดยในช่วงไตรมาส 2/2568 แม้รายได้รวมจากตั๋วภาพยนตร์ที่ MAJOR จัดฉายจะยังอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีภาพยนตร์ที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทเพียง 2 เรื่อง ได้แก่ Lilo & Stitch 147 ล้านบาท และ How to Train Your Dragon 111 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี หลานม่า ทำรายได้สูงถึง 226 ล้านบาท แต่หากพิจารณาเทียบกับไตรมาส 1/2568 จะพบว่ารายได้จากตั๋วภาพยนตร์ปรับตัวดีขึ้นชัดเจน สะท้อนจากจำนวนหนังทำเงินระดับกลางถึงสูงที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจป๊อปคอร์นภายในโรงภาพยนตร์มีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางเดียวกันกับรายได้ตั๋วหนัง แม้ว่ารายได้นอกโรงภาพยนตร์ยังทรงตัวดี และคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 จะเติบโตจากไตรมาสก่อนอย่างมีนัย

สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่รอเข้าฉายจำนวนมาก อาทิ Jurassic World 4 (2 ก.ค.), Superman (10 ก.ค.), Fantastic Four (24 ก.ค.), ธี่หยด 3 (1 ต.ค.), Avatar 3 (18 ธ.ค.) และ Zootopia 2 (27 พ.ย.) รวมถึงหนังไทยกระแสแรงอย่าง หอแต๋วแตก แหกหลีหู, อนงค์ 2 และ อีเรียมซิ่ง 2 ซึ่งล้วนมีภาคก่อนที่ประสบความสำเร็จสูงเมื่อเทียบกับครึ่งหลังปี 2567 ที่มีเพียง ธี่หยด 2 และ Deadpool x Wolverine เป็นหนังแม่เหล็ก

โดยฝ่ายวิจัยจึงประเมินว่าแนวโน้มรายได้และกำไรของ MAJOR ในครึ่งหลังของปี 2568 จะเติบโตทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ไว้ที่ 606 ล้านบาท พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” และให้ราคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 12.80 บาท จากแนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจภาพยนตร์และรายได้ในครึ่งปีหลัง

Back to top button