
“เฉลิม อยู่วิทยา” แชมป์เศรษฐีไทย 1.4 ล้านลบ. “สารัชถ์” พุ่งอันดับ 3 ทรัพย์สินเฉียด 4แสนล.
Forbes ชี้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าคาด แต่ทรัพย์สินรวม 50 มหาเศรษฐีไทยปี 2568 โต 11% แตะ 5.5 ล้านล้านบาท “เฉลิม” รั้งแชมป์ต่อเนื่อง ส่วน “สารัชถ์” ผงาดอันดับ 3 ทะลุ 3.9 แสนล้านบาท
นิตยสาร Forbes สหรัฐอเมริกา เปิดเผยการจัดอันดับมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2568 โดยระบุว่า แม้เศรษฐกิจไทยยังเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ท่ามกลางแรงกดดันด้านการค้าและความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมทรัพย์สินของ 50 มหาเศรษฐีไทยกลับเพิ่มขึ้นถึง 11% แตะระดับ 5.52 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 170,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กลุ่มที่มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นสูงสุดคือกลุ่มกระทิงแดง นำโดย นายเฉลิม อยู่วิทยา ซึ่งครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยมีทรัพย์สินรวม ราว 1.44 ล้านล้านบาท (44,500 ล้านดอลลาร์) ทำสถิติสูงสุดใหม่ จากยอดขายเครื่องดื่ม Red Bull ทั่วโลกเกือบ 13,000 ล้านกระป๋องในปี 2567 สร้างรายได้ต่อปีสูงถึง ประมาณ 444,000 ล้านบาท (12,900 ล้านดอลลาร์) หรือกว่า 386,400 ล้านบาท หากคำนวณตาม 11,200 ล้านยูโร
ขณะที่ ตระกูลเจียรวนนท์ แห่งกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ยังรั้งอันดับ 2 ด้วยทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 23% แตะระดับ ราว 1.16 ล้านล้านบาท (35,700 ล้านดอลลาร์) ล่าสุดกลุ่ม CP ได้ร่วมลงทุนโครงการมูลค่า ประมาณ 32,380 ล้านบาท (1 พันล้านดอลลาร์) กับบริษัท BlackRock เพื่อจัดตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) ขณะเดียวกัน “Ascend Money” ในเครือ CP ก็เพิ่งได้รับใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารดิจิทัล (Virtual Bank)
ด้าน นายสารัชถ์ รัตนาวะดี เจ้าของอาณาจักรพลังงานและโทรคมนาคม ผงาดขึ้นสู่อันดับ 3 เป็นครั้งแรก ด้วยความมั่งคั่งราว 388,560 ล้านบาท (12,000 ล้านดอลลาร์) หลังควบรวมกิจการ Gulf Energy Development กับ Intouch Holdings และนำ Gulf Development เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อต้นปี
นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าสัวแห่งวงการเครื่องดื่ม ร่วงลงมาอยู่อันดับ 4 โดยมีทรัพย์สินทรงตัวที่ 339,990 ล้านบาท (10,500 ล้านดอลลาร์) แม้มีการโอนหุ้นบางส่วนให้บุตรทั้ง 5 คนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Forbes ยังคงนับรวมสินทรัพย์ทั้งหมดไว้ในชื่อของนายเจริญในฐานะผู้ก่อตั้ง
ตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่ง Central Group อยู่อันดับ 5 โดยความมั่งคั่งลดลง 13% เหลือ 278,460 ล้านบาท (8,600 ล้านดอลลาร์) ท่ามกลางความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแรง โดยในปี 2567 กลุ่มเซ็นทรัลได้ร่วมกับกองทุน Public Investment Fund (PIF) แห่งซาอุดีอาระเบีย เข้าถือหุ้น 40% ใน Selfridges อังกฤษ ส่วนเซ็นทรัลยังถืออยู่ 60%
ทั้งนี้ ปี 2568 มีมหาเศรษฐี 19 รายที่ทรัพย์สินหดตัวลง รวมถึง นายประยุทธ มหากิจศิริ แห่ง PM Group ซึ่งได้รับผลกระทบจากการยุติการร่วมทุนกับเนสท์เล่
นอกจากนี้ ยังเกิดการสูญเสียผู้นำ 2 ตระกูล ได้แก่ นายวานิช ไชยวรรณ อดีตประธานกิตติมศักดิ์ของไทยประกันชีวิต และ นพ.พงษ์ศักดิ์ วิทยากร ผู้ร่วมก่อตั้ง BDMS และ Principal Capital ซึ่งทรัพย์สินของทั้งสองยังคงนับรวมในนามครอบครัว
แม้เกณฑ์ขั้นต่ำในการติดอันดับจะลดลงจาก 17,809 ล้านบาท (550 ล้านดอลลาร์) ในปี 2567 เหลือเพียง 13,400 ล้านบาท (420 ล้านดอลลาร์) ในปี 2568 แต่กลับมีเศรษฐีหลุดโผถึง 4 ราย หนึ่งในนั้นคือ นายสมโภชน์ อาหุนัย แห่ง Energy Absolute ที่เผชิญปัญหาทางการเงินต่อเนื่อง