อดีตกรรมการร่าง รธน. 60 ชี้ รักษาการนายกยุบสภาได้ – อำนาจเต็ม 100%

อดีตโฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2560 “ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์” ย้ำว่า ตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มตามกฎหมาย สามารถใช้อำนาจยุบสภาได้ แม้ในอดีตยังไม่เคยมีกรณีนี้เกิดขึ้นจริง


กลายเป็นประเด็นถกเถียงในแวดวงการเมือง และอาจกลายเป็น “ไพ่ใบสำคัญ” ในเกมการเมืองหลังจากนี้ว่า ผู้ดำรงตำแหน่ง “รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี” หรือที่เรียกกันว่า “นายกฯ รักษาการ” มีอำนาจในการยุบสภาได้หรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568

แพทองธาร ชินวัตร ออกมาแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ในระหว่างรอคำวินิจฉัย

เหตุผลที่เรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมา เพราะ “ปรมาจารย์” ด้านนิติศาสตร์หลายคนเคยตีความว่า แม้จะเป็นตำแหน่งรักษาการ แต่ถือเป็นการทำหน้าที่ในฐานะ “นายกรัฐมนตรี” ซึ่งย่อมมีอำนาจไม่แตกต่างจากตัวจริง ทั้งในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือแม้แต่การยุบสภา

แต่แล้ว…เรื่องนี้ก็มีเหตุการณ์ที่เหมือนหักปากกาเซียน

ประเด็นนี้เริ่มมีข้อโต้แย้ง เมื่อมีรายงานข่าวว่า ในการประชุมครม. นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้แจงว่า ความเข้าใจเดิมอาจคลาดเคลื่อน และรักษาการนายกรัฐมนตรี อาจไม่มีอำนาจยุบสภา โดยอ้างอิงแนวทางรัฐสภาแบบอังกฤษ ซึ่งมองว่าการยุบสภาเป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

ทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้สัมภาษณ์ ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตโฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งสวนทางกับรายงานข่าวที่อ้างอิงว่าเป็นความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และสอดคล้องกับความเห็นของนักกฎหมายจำนวนหนึ่งว่า แม้จะเป็นรักษาการ แต่อำนาจก็ไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรีตัวจริง

“รักษาการนายกฯ ต้องถือว่ามีอำนาจเต็ม 100 เปอร์เซนต์ เหมือนนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งปกติ” ดร.อมร กล่าว

ดร.อมร ยังวิเคราะห์ว่า หากกระแสข่าวข้างต้นเป็นความจริง เชื่อว่าสิ่งที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาสื่อสารออกมา น่าจะมีเหตุผลและมุมมองส่วนตัว

“ถ้านายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วคนที่รักษาการไม่อำนาจ หรือไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ต้องปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็ไม่น่าต้องเป็นอย่างนั้น”

ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตโฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2560

สำหรับประเด็นเรื่อง มาตรา 103 ที่ระบุว่า “เป็นพระราชอำนาจ โดยมีนายกรัฐมนตรีเสนอและสนองพระบรมราชโองการ” ดร.อมร อธิบายว่า ถ้าตีความตามในกฎหมายนี้ ก็ต้องทำได้ เพราะ “เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี” ที่ในเมื่อตัวเองไม่อยู่แล้ว ก็ต้องมอบอำนาจให้บุคคลอื่นที่มีอำนาจ

แม้ตามหลักกฎหมาย รักษาการนายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจเต็ม แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่เคยมีกรณีที่รักษาการนายกฯ ใช้อำนาจยุบสภา

ตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุดคือ กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาการนายกฯ ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม – 30 กันยายน 2565 รวม 38 วัน หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยในช่วงดังกล่าว พล.อ.ประวิตรไม่ได้ใช้อำนาจยุบสภา หรือดำเนินนโยบายทางการเมืองสำคัญใด ๆ

ทำไมในอดีตไม่เคยมีกรณีที่รักษาการนายกฯ ยุบสภา?

ดร.อมร ให้ความเห็นว่า อาจเป็นไปได้ว่า เพราะเกรงว่า หากยุบสภาแล้ว พรรคการเมืองที่บริหารอยู่จะไม่สามารถกลับมาเป็นรัฐบาลอีก จึงเลือกใช้แนวทางอื่น เช่น การลาออก หรือในบางยุคสมัยก็มีเงื่อนไขทางการเมืองอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง

“คิดว่ารัฐบาลยุคเก่า ๆ อาจจะเผชิญหน้ากับเรื่องของการถูกท้าทาย การถูกประลองอำนาจกันอยู่ ก็เลยไม่สามารถสร้างสมดุลได้”

สำหรับมุมมองต่อสถานการณ์ปัจจุบัน หากวิกฤตการเมืองรุนแรงขึ้นจนไม่มีนายกรัฐมนตรีตัวจริง รักษาการนายกฯ ควรใช้กลไกยุบสภาหรือไม่ ดร.อมร เห็นว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลพิจารณา หากเห็นว่าการยุบสภาจะนำไปสู่ความชัดเจนและสามารถกลับมาบริหารได้ ก็สามารถทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ครบถ้วน ซึ่งถ้าเลือกยุบสภา แสดงว่ามีความมั่นใจว่าจะกลับมาได้อีกหลังเลือกตั้งแล้ว

สำหรับกรณีที่มีข้อเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญ ปี 2560 เพื่อระบุขอบเขตอำนาจของรักษาการนายกฯ ให้ชัดเจนมากขึ้น ดร.อมร เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องแก้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังไม่ถึงทางตัน

“มีทางเลือกเยอะแยะ อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะเลือกใช้วิธีการใดในการบริหารปกครองประเทศ ไม่จำเป็นต้องไปร่างเฉพาะ เพราะว่าถ้าร่างไป อีกหน่อยมีปัญหาอะไรก็ต้องไปร่างหมด โดยไม่ได้ดูในเนื้อหารัฐธรรมนูญ” อดีตโฆษก กรธ. กล่าว

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี

ย้อนดูประวัติศาสตร์ 14 ครั้ง การยุบสภาไทย – ไม่เคยเกิดขึ้นในช่วงรักษาการ

ทีมข่าวรวบรวมข้อมูลจากข่าวการเมืองสำคัญ ประกอบกับฐานข้อมูลจากสถาบันพระปกเกล้า พบว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2481 ประเทศไทยมีการยุบสภาทั้งหมด 14 ครั้ง โดยทุกครั้งเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และไม่เคยเกิดขึ้นในช่วงที่มีการรักษาการนายกรัฐมนตรีเลยแม้แต่ครั้งเดียว

  • 11 กันยายน 2481 – พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา
  • 15 ตุลาคม 2488 – ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
  • 12 มกราคม 2519 – ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
  • 19 มีนาคม 2526 – พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
  • 1 พฤษภาคม 2529 – พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
  • 29 เมษายน 2531 – พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
  • 30 มิถุนายน 2535 – นายอานันท์ ปันยารชุน
  • 19 พฤษภาคม 2538 – นายชวน หลีกภัย
  • 28 กันยายน 2539 – นายบรรหาร ศิลปอาชา
  • 9 พฤศจิกายน 2543 – นายชวน หลีกภัย
  • 24 กุมภาพันธ์ 2549 – พ.ต.ท. (ยศในขณะนั้น) ทักษิณ ชินวัตร
  • 10 พฤษภาคม 2554 – นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
  • 9 ธันวาคม 2556 – น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
  • 20 มีนาคม 2566 – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แม้อำนาจตามรัฐธรรมนูญจะเปิดช่องให้รักษาการนายกฯ ใช้กลไกยุบสภาได้ แต่บริบททางการเมืองมักเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดว่าทางเลือกนี้จะถูกนำมาใช้จริงหรือไม่

Back to top button