พาราสาวะถี

เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แพทองธาร ชินวัตร ตัดพ้อ “อาจจะแย่หน่อยที่ตนต้องหยุดทำหน้าที่นายกฯ”


เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แพทองธาร ชินวัตร ตัดพ้อ “อาจจะแย่หน่อยที่ตนต้องหยุดทำหน้าที่นายกฯ” แต่ดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาทำงานเป็นรัฐมนตรีดูแลกระทรวง ก่อนที่จะออกลูกอ้อนบรรดาผู้บริหารและข้าราชการระดับสูงของกระทรวง เป็นรัฐมนตรีครั้งแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย ตนอยากให้กระทรวงวัฒนธรรมเติบโตและยิ่งใหญ่ เพราะหลายประเทศเช่นเกาหลีใต้ กระทรวงวัฒนธรรมมีบทบาทที่สำคัญ

เกริ่นมาขนาดนี้ แน่นอนว่า การมากุมบังเหียนที่กระทรวงวัฒนธรรมของแพทองธารนั้น ไม่ใช่แค่ต้องการหัวโขนเพื่อให้สามารถเข้าร่วมประชุมครม.ได้เท่านั้น หากแต่มีเป้าหมายในการที่จะเข้ามาลุยงานด้านซอฟต์พาวเวอร์ และขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรมให้สามารถสร้างรายได้กับประเทศ โดยมีการยืนยันว่า กระทรวงวัฒนธรรม ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของประเทศหลายนโยบาย ไม่ว่าเรื่องซอฟต์พาวเวอร์หรือวัฒนธรรมที่พิสูจน์แล้วว่าไปที่ไหนก็ขายได้ทั่วโลก วัฒนธรรมไทยเป็นอะไรที่ทั่วโลกชอบและเป็นสิ่งที่มีมูลค่าในตัวเองอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การเข้าไปทำหน้าที่ในวันแรกนั้น แพทองธารได้ตอกย้ำเรื่องของกำลังใจในการทำงาน ที่บรรดาแกนนำรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย หลายคนพูดตรงกันว่า ลูกสาว ทักษิณ ชินวัตร ยังมีกำลังใจเต็มเปี่ยม ซึ่งเจ้าตัวก็ย้ำว่า แม้ไม่ได้ทำหน้าที่นายกฯ แต่ก็จะทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอย่างเต็มที่ สำหรับตนยังมีพลังเหลืออีกเยอะในการทำงาน และหวังว่าข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกคนจะมีพลังมากเช่นกัน นี่ย่อมฉายภาพว่าช่วงระยะเวลาก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดี รัฐบาลที่ผ่านการปรับครม.เรียบร้อยแล้ว ต้องเร่งทำงาน ทำงาน ทำงานสถานเดียว

ที่ถูกจับตามองสำหรับรัฐมนตรีที่มีการปรับเปลี่ยน หนีไม่พ้น “บิ๊กอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้ากระทรวงคลองหลอด พร้อมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวง รวมไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ แนวทางทำงานทันที กระทรวงมหาดไทยต้องดีขึ้นกว่าเดิม และสิ่งที่สำคัญในการวัดประเมินผล ไม่ต้องการตัวเลขอย่างเดียว สิ่งที่อยากเห็นคือผลงานที่เป็นรูปธรรม ชัดเจนคือเรื่องปัญหายาเสพติด โดยมีการชี้ว่าตั้งแต่เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง การแก้ปัญหายาเสพติดเห็นตัวเลขเยอะ แต่ในแง่ความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ยังมองว่าไม่ดีขึ้น

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเพื่อไทยถึงอยากได้กระทรวงมหาดไทยกลับมาดูแล และเป็นการตอกย้ำว่า นโยบายหลังคลอดครม.แพทองธาร 1/2 แล้ว รัฐบาลภายใต้การนำของเพื่อไทยจะชูการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นเรือธง เพราะบิ๊กอ้วนตนประกาศชัดว่า ที่ผ่านมาประชาชนรู้หมดเรื่องปัญหายาเสพติดในพื้นที่ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัด กับตำรวจทำไมถึงไม่รู้ ตนจึงขอให้นโยบายยาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่ และต้องร่วมมือกัน เช่นเดียวกับงานบริการที่กระทรวงมหาดไทยต้องเร็ว มีผลงานที่ประชาชนรับรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ในฐานะที่เคยอยู่กับกระทรวงมหาดไทยมาก่อนตั้งแต่ยุครัฐบาลไทยรักไทย แม้จะผ่านมานานกว่า 20 ปี เชื่อว่าคนอย่างบิ๊กอ้วนย่อมรู้ดีว่า การบริหาร การทำงาน และการวางตัวของผู้บริหารและข้าราชการในกระทรวงแห่งนี้แต่ละยุคแต่ละสมัยเป็นอย่างไร จึงมีการขีดเส้นในการทำงานให้เวลา 3 เดือนเพื่อประเมินผลงาน ถ้าไม่ปรากฎเป็นรูปธรรม มีการขู่ว่าก่อนถึงเดือนกันยายน มท.1 จะขอปรับกำลังใหม่ เพื่อจะได้ให้คนที่เหมาะกับงาน สามารถตอบสนองการแก้ไขปัญหาได้ พร้อมบอกด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับไหน ถ้าอยากจะเห็นอะไรดีขึ้นและคิดว่าเป็นปัญหาให้มาบอก “ประตูห้องผมเปิดตลอดเวลา”

นอกจากนั้น ยังมีการแจ้งไปถึงปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการกระทรวง และอธิบดี รวมทั้งผู้ว่า ฯ ทุกคนด้วยว่า อยากเห็นกระทรวงมหาดไทยภายใต้ 3 รัฐมนตรีเวลานี้เป็นอย่างไรขอให้บอก อะไรที่รู้สึกอึดอัดติดใจอยากทำแล้วไม่ได้ทำ ขอให้มาบอก เหมือนจะรู้ว่าที่ผ่านมาติดขัดเรื่องอะไรหรือไม่ โดยที่บิ๊กอ้วนบอกอีกว่า ถ้ามาบอกแล้วกล้าทำตนจึงให้ทำ ทำได้ตนจะสนับสนุนต่อ ทำไม่ได้ก็ได้พิสูจน์กันตามศักยภาพที่มี ฉะนั้น ภายในกันยายนนี้ได้เห็นแน่ว่า ใครทำอะไรถูกต้องเหมาะสมกับงานของตัวเองเพียงใด

อีกเรื่องที่น่าจะทำให้เกิดการตื่นตัวของคนกระทรวงคลองหลอดคือ ปัญหาการแบ่งสีสิงห์ ก่อนหน้าอาจจะมีสิงห์แดงสิงห์ดำ แต่ที่บิ๊กอ้วนได้ยินมาคือ มีสิงห์น้ำเงิน รู้กันอยู่ว่าหมายถึงอะไร โดยผู้จัดการรัฐบาลระบุว่า สิ่งที่สำคัญอยู่ที่การตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนหรือไม่ ตนไม่อยากให้เวลาทำงานข้าราชการมาเดินตาม อยากให้มีเวลาทำงาน หากใครมีความจำเป็นที่จะต้องมารายงานค่อยมารายงาน อยากเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพราะแบบนั้นไม่ใช่ตน เหมือนเป็นการพูดถึงสิ่งที่ได้รับเสียงสะท้อนมายังไงชอบกล  

จัดทัพจัดแถวกันขนาดนี้ ย่อมมีเป้าหมายในการเร่งสร้างผลงานให้ประชาชนสัมผัสจับต้องได้ การไปกุมบังเหียนกระทรวงวัฒนธรรมของแพทองธาร มีงานใหญ่ให้ประเดิมกันทันที โดยวันพรุ่งนี้(8กรกฎาคม)จะไปเปิดงาน “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ที่รัฐบาลร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จัดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีหัวข้อที่จะกล่าวเปิดงานคือ “Thailand Rising: Tourism, Education and the New Soft Power Frontier”

หลังจากนั้นวันที่ 9 กรกฎาคม เวลาบ่ายโมง ทักษิณจะถ่ายทอดวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond” วันต่อมา 10 กรกฎาคม เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯร่วมเสวนากับสองนักกีฬาดัง บัวขาว บัญชาเมฆ และ “เทนนิส”พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในหัวข้อ “Rethinking Thai Sports in a Disruptive Era” เรียกได้ว่าไปลุยงานที่ถนัด เน้นสร้างแนวร่วม หาผู้สนับสนุนอย่างคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งแพทองธารและนายใหญ่ คงหนีไม่พ้นถูกตามถามมิติทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นรัฐบาลชั่วคราว ที่พรรคส้มพร้อมหนุน อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯขัดตาทัพ

อรชุน

Back to top button