“เคจีไอ” ชี้ EGCO รับรายได้หยุนหลินปีละ 1.5 พันล้าน แนะ “ซื้อ” เป้า 120 บาท

บล.เคจีไอ ระบุ EGCO เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการหยุนหลิน ประเทศไต้หวันเต็มรูปแบบ คาดสร้างส่วนแบ่งรายได้ปีละ 1–1.5 พันล้านบาทในช่วง 10 ปีแรก แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 120 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ว่าจากกรณีการที่บริษัทฯเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) เต็มรูปแบบของโครงการกังหันลมนอกชายฝั่งหยุนหลิน กำลังการ ผลิต 640 เมกะวัตต์ ที่ไต้หวันของ EGCO (capacity ตามสัดส่วนการถือหุ้น 170 MWe ถือหุ้น 26.6%) ถือเป็น ก้าวสำคัญในการมุ่งสู่พลังงานหมุนเวียน โดยสามารถข้ามข้อกังวลในอดีตถึงต้นทุนที่อาจเงินงบและการ เพิ่มทุน

อย่างไรก็ดี คาดว่าโครงการนี้จะสร้างส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมได้ราว 1.0-1.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 10 ปีแรก (ปี 2568-2578) ภายใต้สัญญา FiT (Feed-in Tariff) ที่คิดค่าไฟขั้นต่ำอยู่ที่ NTD7.11/kWh (ประมาณ 7.9 บาท) ก่อนที่จะลดลงครึ่งหนึ่งในอีก 11-20 ปีข้างหน้า ผลจากอัตราค่า ไฟฟ้าลดลงเหลือ NTD3.5/kWh (ประมาณ 3.9 บาท) สำหรับการลงทุนในโครงการกังหันลมนอกชายฝั่ง ครั้งแรกนี้ทำให้ EGCO ได้รับประสบการณ์อันมีค่าและผลงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วร่วมกับพันธมิตรที่ มีชื่อเสียง อย่าง Skyborn (32%), TotalEnergies (29.5%) และ Sojitz (12%)

ทั้งนี้ EGCO เห็นความเป็นไปได้นอกเหนือจากโครงการหยุนหลินของไต้หวันที่เร่งตัวขึ้นจากการใช้พลังงาน นิวเคลียร์และเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียน นำโดยพลังงานโซลาร์และพลังงานลมนอก ชายฝั่ง ปัจจุบันพลังงานหมุนเวียนคิดเป็นเพียง 10% ของ capacity ที่ติดตั้งเทียบกับก๊าซ (42%) และ นิวเคลียร์ (4%) อย่างไรก็ดี ไต้หวันตั้งเป้าโซลาร์ capacityที่ 30GW ภายในปี 2573 และ 40–60GW ภายในปี 2593 (จาก 14.6GW ในปัจจุบัน) ส่วนพลังงานกังหันลมนอกชายฝั่งตั้งเป้าที่จะเติบโตจาก 3GW เป็น 40–55GW ภายในปี 2593 แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไต้หวันจะขับเคลื่อนโดยบริษัท ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง TSMC (โรงหล่อเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุด) เราก็ยังคงระมัดระวังถึง ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบต่าง ๆ ความล่าช้าในการอนุมัติและข้อจำกัดทางกายภาพที่อาจทำให้การ พัฒนาพลังงานโซลาร์และพลังงานกังหันลมนอกชายฝั่งล่าช้าออกไปได้

โดยหลังการได้หารือกับฝ่ายบริหาร EGCO กำลังพิจารณาการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดใน 2-3 โครงการ เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดแล้วนำเงินกลับลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นแทนที่จะจ่ายเงินปันผลพิเศษ ซึ่งอาจ ชดเชยความเสี่ยงจากการด้อยค่าในไตรมาส 4/68 ขณะที่ วันที่ 14 ส.ค.

ทั้งนี้ คาดว่า EGCO จะประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 แข็งแกร่ง ซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน หนุนจากกำไรจาก Fx (ค่าเงินบาทแข็งค่า) และ ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการใหม่ ๆ ส่วนปัจจัยมหภาคภายนอก เช่น ค่าเงิน USD/THB กลับมาแข็งค่าขึ้น (หนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 60%) ราคาน้ำมันที่ลดลง และ bond yield ที่ลดลงน่าจะเป็นปัจจัยหนุนด้วย

ทั้งนี้ยืนคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 120.00 บาท (DCF-WACC ที่ 5.4%) มองว่า EGCO เป็นหุ้นที่มีมูลค่าที่ยืดหยุ่น (resilient value stock) เหมาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน โดยซื้อขายด้วย P/E ต่ำเพียง 7 เท่า ด้วย dividend สูงน่าสนใจราว 6% แม้ว่าแนวโน้มการเติบโตยังไม่เด่นก็ตาม

Back to top button