TFMAMA จับมือ ‘คมสันต์-ชานนท์’ ซื้อ ‘ชาจี’ ภาพสะท้อนการปรับตัวกระจายพอร์ตลดเสี่ยง

เส้นทางนักลงทุน

มีคำถามเกิดขึ้นทันทีว่า “ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ถึงจุด “อิ่มตัว” แล้วหรือไม่??? หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ “มาม่า” ได้ประกาศเข้าลงทุน บริษัท ชาจี (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ CHAGEE แบรนด์ชาระดับพรีเมียมจากจีน ด้วยการส่งบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ เบเวอร์เรจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 51% คิดเป็นเม็ดเงินลงทุน 142,417,500 บาท ทั้งนี้หุ้นส่วนที่เหลืออีก 49% จะถือโดย บริษัท ชา เอ็กซ์พลอเรอร์ จำกัด

บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ เบเวอร์เรจ จำกัด จะซื้อหุ้นสามัญของ CHAGEE จากผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 25,500 หุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท  รวมเป็นเงิน 2,550,000 บาท และจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ได้รับจัดสรรตามสิทธิ อีกจำนวน 1,398,675 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 139,867,500 บาท โดยจะดำเนินการภายใน 30 วัน นับจากวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ทั้งนี้วัตถุประสงค์การลงทุน เนื่องจากคาดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว

สำหรับบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ เบเวอร์เรจ จำกัด นั้น คณะกรรมการของ TFMAMA ได้มีมติอนุมัติการจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ด้วยทุนจดทะเบียน 145 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนในธุรกิจอื่นและรับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล

ขณะที่บริษัท ชาจี (ไทยแลนด์) จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ประเภทธุรกิจ คือ การผลิตผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น มีทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 5,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ทั้งนี้หลังเพิ่มทุนจะมีทุนจดทะเบียน 279,250,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 2,792,500 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท

สิ่งที่น่าสนใจ ก็คือ โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ เบเวอร์เรจ จำกัด ประกอบด้วยผู้ถือหุ้น 3 ราย ได้แก่ 1. บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 55% 2. คมสันต์ แซ่ลี ผู้ก่อตั้ง “Flash Express” ซึ่งเป็นยูนิคอร์นแถวหน้า ถือหุ้น 25% และ 3. ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ถือหุ้น 20% ซึ่งบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงธุรกิจ

การที่ TFMAMA ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ “มาม่า” ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50% ในประเทศไทย และส่งออกไปทั่วโลก จะรุกเข้าไปใน CHAGEE อาจจะไม่แปลก เพราะนอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้ว TFMAMA ยังมีผลิตภัณฑ์เบเกอรี่, ขนมปังกรอบ, น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มอื่น ๆ

จึงน่าจะเป็นการต่อยอดธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตในอัตราเฉลี่ยต่อปีระดับสูง โดยเฉพาะในส่วนของตลาดชานมในประเทศไทยปี 2567 ที่มีแนวโน้มเติบโตทั้งในส่วนของชานมไข่มุกและชาไทยพิเศษ ขณะที่มีการแข่งขันที่สูงขึ้นและผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพและช่องทางการซื้อที่หลากหลายมากขึ้น

อีกมุมมองหนึ่งชี้ว่า ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าสู่จุด “อิ่มตัว” จึงน่าจะเป็นสาเหตุให้ TFMAMA จำเป็นจะต้องกระจายพอร์ตเพิ่มสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น

แล้ว CHAGEE คือใคร ???… CHAGEE เป็นแบรนด์ชาพรีเมียมที่ก่อตั้งขึ้น ณ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ในปี 2560 และเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีสาขาทั่วโลกมากกว่า 6,000 แห่ง สำหรับในประเทศไทย CHAGEE เริ่มเปิดสาขาแรกในเดือนธันวาคม 2565 และสร้างกระแสในหมู่ผู้บริโภคได้พอสมควร ก่อนที่จะประกาศปิดปรับปรุงทุกสาขาในไทยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เพื่อรีแบรนด์และปรับโครงสร้าง

มีข้อมูลระบุว่า บริษัท ชาจี (ไทยแลนด์) จำกัด มีรายได้รวม 24,296.10 บาท และมีผลขาดทุนสุทธิ -1,265,609.64 บาท สำหรับผลประกอบการปี 2567 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567 (งบไม่เต็มปี)

TFMAMA เปิดเผยการลงทุนดังกล่าว โดยแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 2-3 กรกฎาคม 2568 พบว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม ปรับตัวขึ้น 1.82% หรือ +3.50 บาท มาปิดที่ 196 บาท ซึ่งน่าจะเป็นการขานรับการลงทุนดังกล่าวนี้ รวมทั้งยังสะท้อนว่า TFMAMA เดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้นซึ่งจะเป็นผลบวกต่อบริษัท

แต่การมี “คมสันต์ แซ่ลี” และ “ชานนท์ เรืองกฤตยา” ร่วมจับมือด้วยในครั้งนี้จะเกื้อหนุนทางธุรกิจต่อกันอย่างไร เป็นประเด็น…น่าสนใจที่สุด !!!