
พาราสาวะถี
ท่องสูตรการเมืองเหมือนที่ ธรรมนัส พรหมเผ่า บอกไป ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร จะถือเป็นคาถาสำคัญในการทำงานร่วมกันของรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
ท่องสูตรการเมืองเหมือนที่ ธรรมนัส พรหมเผ่า บอกไป ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร จะถือเป็นคาถาสำคัญในการทำงานร่วมกันของรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะวันนี้ด้วยบรรยากาศทางการเมืองที่รัฐบาลเหมือนมีเสถียรภาพแม้เสียงจะปริ่มน้ำ แต่จากสารพัดปัญหาที่รุมเร้า ทั้งกรณี แพทองธาร ชินวัตร ที่ต้องรอคำชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญ จะอยู่หรือไป รวมถึงปมชั้น 14 ที่บรรดาพวกแค้นฝังหุ่นแช่งชักหักกระดูกทุกวันให้ ทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลตัดสินไปในทางลบ จบเกมการเมืองกันไปเลย
อย่างที่รู้กัน การเดินทางกลับมาประเทศไทยในช่วงรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจอยู่ระหว่างรักษาการ เพื่อรอตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มันก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่า เรื่องแบบนี้ไม่ธรรมดา สอดรับกับการตั้งรัฐบาลพลิกขั้ว ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนหากไม่ดัดจริตกันเกินไป ในเมื่อมีพรรคต้องห้ามไม่ให้เข้าสู่อำนาจบริหารประเทศ ย่อมเหลือทางเลือกเดียว และจนถึงนาทีนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น นั่นหมายความว่า ไม่ว่าผลที่เกิดขึ้นกับสองพ่อลูกจะเป็นยังไง เพื่อไทยก็จะได้เป็นแกนนำรัฐบาลอยู่ดี
เวลานี้อาจดูกระท่อนกระแท่น งานตามนโยบายที่วางแผนไว้ไม่ได้ราบรื่น เรียบร้อยเหมือนที่ตั้งเป้าไว้ ต้องปรับกันไปตามสภาพ อย่างที่เห็นจากเดิมทีตั้งเป้าว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โชว์ฝีมือยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน แต่โจทย์หินก็คือ มีกับดักสารพัดที่ซ่อนไว้กับบรรดากฎหมายที่เขียนโดยคณะเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต่อให้มีฝีมือขนาดไหนก็ผลักดันให้แต่ละเรื่องเดินหน้าได้ลำบาก จึงหันไปลุยงานที่ไม่ต้องถูกเตะตัดขา แถมจะได้คะแนนง่าย ๆ ดีกว่า
การขอเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคืนก็เพื่อเป้าหมายนี้ ไม่ใช่แค่ใช้ขับเคลื่อนงานในมิติเชิงสังคมอย่างปัญหายาเสพติด หนี้นอกระบบ แต่ยังรวมไปถึงการลุยตรวจสอบปมที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ แม้จะถูกมองว่าเป็นการเล่นงานกันทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย เมื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะมท.1 ยืนยันทุกอย่างยึดตามตัวบทกฎหมาย เหมือนที่ อนุทิน ชาญวีรกูล และคนพรรคสีน้ำเงินชอบอ้าง ย่อมเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือที่จะทำให้ปมซึ่งสังคมกังขาเกิดความกระจ่างชัด
ขณะเดียวกัน หลังจากแปรสภาพไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน จะเห็นได้ว่าท่วงทำนอง การพูดจาปราศรัยของเสี่ยหนูก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ซึ่งพอจะเข้าใจได้ ถ้าเลือกที่จะเดินบนแนวทางสาดโคลน ก็ต้องพร้อมที่จะเปรอะเปื้อนกับการถูกฝ่ายตรงข้ามย้อนศรกลับมาด้วย เหมือนกรณีพูดถึง สี จิ้นผิง ผู้นำจีนขอให้แพทองธารยกเลิกโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ทำให้นายกฯ หญิงตอกกลับแรง ๆ ไม่รู้ว่าตอนเป็นรัฐมนตรีได้จดบ้างหรือเปล่า เพราะเคยสั่งให้ตัดน้ำตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ต้องสั่งแล้วสั่งอีก
นิ่ม ๆ แต่เจ็บปวด ถ้าย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของเจ้าตัวสมัยที่นั่งเก้าอี้มท.1 ก็เป็นเช่นนั้นจริง ยักแย่ยักยัน จนสุดท้ายแพทองธารต้องใช้วิธีการเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ แล้วเป็นมติออกมาสั่งการให้ดำเนินการทันที ถึงจะยอมทำ นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลว่า การไม่มีพรรคสีน้ำเงินร่วมรัฐบาล ถือเป็นความสบายใจมากกว่าของพรรคเพื่อไทย แต่ก็ไม่ปิดประตูตายเสียทีเดียวกับการจะได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เพราะโจทย์การเมืองมันเป็นเช่นนั้น
งานนี้ไม่ใช่เรื่องสมบัติผลัดกันชม ทว่าเป็นปมจากปัญหาระบบการเลือกตั้งที่ขบวนการอยู่ยาวสร้างไว้ หวังจะบอนไซให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถหวนคืนสู่อำนาจได้ แต่กลายเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา ทำให้พรรคเกิดใหม่เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด จนไปสร้างปัญหาให้กับฝ่ายอนุรักษนิยม สั่นคลอนต่อพลังอำนาจวิเศษ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทักษิณจึงมั่นใจการเมืองไม่มีทางตัน ติดเพียงแต่ไม่ได้พูดว่าแล้วปลายทางจะไปจบที่ตรงไหน
ถ้ายึดตามที่นายใหญ่สื่อสารเมื่อคราวไปร่วมงานสื่อย่านบางนา ก็ทำให้เห็นว่าอุบัติเหตุทางการเมืองที่ว่าด้วยอำนาจนอกระบบ หรือการรัฐประหารไม่มีแน่ การเมืองจะต้องก้าวเดินไปตามครรลองของประชาธิปไตยปกติที่ไม่ปกติ กรณีของแพทองธาร หากถูกศาลสั่งให้พ้นจากความเป็นนายกฯ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกฯ ใหม่ โดยเพื่อไทยยังจับมือกันแน่นกับพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ผลักดัน ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ให้ได้รับเลือกเป็นผู้นำประเทศ
จากนั้นเดินหน้าบริหารกันต่อไป พยายามสร้างผลงานให้เป็นที่ปรากฏได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงตรงนี้ผู้มีอำนาจที่แท้จริงของรัฐบาลมองว่า ยังไงเสียการแก้ปัญหายาเสพติด มาตรการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหาที่ดินเขากระโดง และเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย น่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนมองเห็นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยทำได้สำเร็จ ย่อมมีเสียงสนับสนุนที่ไม่ได้รวมกับกลุ่มคนซึ่งเลือกพรรคเพื่อไทยก่อนหน้า กลับมาเลือกพรรคแกนนำรัฐบาล
อันจะส่งผลให้ผลของการเลือกตั้งจำนวน สส.ที่ได้จะไม่ถูกพรรคประชาชนทิ้งขาด ขอแค่ระยะห่างไม่มาก ยังไงก็ได้กลับมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแน่ ๆ การที่ผลักให้ภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นเรื่องของการหวังผลอีกทางหนึ่ง ซึ่งนายใหญ่และแกนนำของเพื่อไทยเชื่อว่า เมื่อใกล้จะมีการหย่อนบัตรจะมีนักเลือกตั้งจำนวนหนึ่งจากพรรคสีน้ำเงินขอเปลี่ยนสีเสื้อ ภาพเช่นนี้เกิดขึ้นแน่ เห็นได้จากการขยับของเสี่ยหนูและแกนนำพรรคที่มีการปูดเรื่องการแจกกล้วยซื้อตัว สส.ด้วยตัวเลข 8 หลักกันเลยทีเดียว
ความจริงของพรรค์นี้ประเภทไก่เห็นตีนงูก็รู้กันอยู่แก่ใจ ยิ่งในยุคสมัยรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจที่เสียงปริ่มน้ำ มีทั้งการแจกกล้วยขอเสียงเป็นครั้งคราว และตัดจบจ่ายก้อนโตเพื่อให้เปลี่ยนสังกัด พรรคสีส้มถือว่าได้รับผลกระทบจากการกระทำเช่นนี้มากที่สุด ซึ่งพรรคไหนที่ทุ่มทุนในยุคนั้นก็เห็น ๆ กันอยู่ การเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อไทยก็จะเน้นเขตที่มี สส.อยู่แล้ว พร้อมเติมความเข้มข้นในส่วนที่คนของพรรคปราชัยอย่างไม่น่าแพ้ ขณะที่อีกหลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคใต้ก็จะใช้พรรคเครือข่ายลุยแบบหวังผลแทน ตั้งธงกันไว้แบบนี้ นั่นจึงทำให้ทักษิณบอกการเมืองไม่มีทางตัน รัฐบาลเดินต่อไม่ได้ก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่เท่านั้นเอง
อรชุน