
WTI ปิดลบ 20 เซนต์ อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจสหรัฐ-EU คว่ำบาตรรัสเซีย
WTI ปิดลบ 20 เซนต์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงความกังวลด้านอุปทานน้ำมัน หลังสหภาพยุโรป (EU) ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมจากกรณีสงครามในยูเครน
ผู้สื่อข่าวรายงาน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันศุกร์ (18 ก.ค.) ท่ามกลางปัจจัยข่าวเศรษฐกิจและประเด็นภาษีของสหรัฐฯ ที่ผสมผสานกัน รวมถึงความกังวลด้านอุปทานน้ำมัน หลังสหภาพยุโรป (EU) ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมจากกรณีสงครามในยูเครน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 67.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 69.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ ทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงราว 2%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในสหรัฐฯ นั้น การก่อสร้างบ้านเดี่ยวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนในเดือนมิ.ย. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ระดับสูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจฉุดการซื้อบ้าน โดยสะท้อนว่าการลงทุนในที่อยู่อาศัยหดตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2
อย่างไรก็ตาม รายงานอีกฉบับระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นในเดือนก.ค. และการคาดการณ์เงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเงินเฟ้อที่ชะลอลงจะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืม, กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และหนุนความต้องการใช้น้ำมัน
ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผลักดันให้มีการเก็บภาษีนำเข้าขั้นต่ำ 15% ถึง 20% ในการทำข้อตกลงกับ EU พร้อมเสริมว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาอัตราภาษีตอบโต้ที่เกินกว่า 10% แม้บรรลุข้อตกลงกันได้ก็ตาม
นักวิเคราะห์ของซิตี รีเสิร์ช (Citi Research) ในเครือซิตีกรุ๊ป (Citigroup) ระบุในบันทึกว่า การเก็บภาษีตอบโต้ร่วมกับการจัดเก็บภาษีตามอุตสาหกรรม อาจทำให้สหรัฐฯ มีอัตราภาษีที่แท้จริงสูงกว่า 25% ซึ่งสูงกว่าช่วงทศวรรษ 1930 และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภาษีเหล่านี้อาจส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ซึ่งจะเพิ่มภาระค่าครองชีพของผู้บริโภค กระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจ และลดความต้องการใช้น้ำมัน
EU บรรลุข้อตกลงคว่ำบาตรชุดที่ 18 ต่อรัสเซียจากกรณีสงครามยูเครน ครอบคลุมมาตรการที่มุ่งเล่นงานอุตสาหกรรมน้ำมันและพลังงานของรัสเซียเพิ่มเติม
นักวิเคราะห์ของแคปิตอล อีโคโนมิกส์ (Capital Economics) ระบุในบันทึกว่า ตลาดตอบสนองอย่างจำกัดต่อมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียชุดใหม่ของสหรัฐฯ และยุโรป เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าทรัมป์จะเดินหน้าทำตามคำขู่ และเชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรของยุโรปอาจไม่ต่างจากความพยายามก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ EU จะหยุดนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ผลิตจากน้ำมันดิบรัสเซียทั้งหมด แต่ข้อห้ามนี้ไม่ครอบคลุมการนำเข้าจากนอร์เวย์ อังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา และสวิตเซอร์แลนด์
คายา คัลลาส หัวหน้านโยบายต่างประเทศของ EU ระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า EU ได้กำหนดให้โรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรอสเนฟต์ (Rosneft) ในอินเดียอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรชุดนี้ด้วย
ข้อมูลของเคปเลอร์ (Kpler) ระบุว่า อินเดียเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียรายใหญ่ที่สุด ขณะที่ตุรกีเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่อันดับสาม ยานิฟ ชาห์ รองประธานฝ่ายตลาดน้ำมันของไรส์แทด เอเนอร์จี (Rystad Energy) กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวทำให้ตลาดกังวลว่า ซัพพลายดีเซลเข้าสู่ยุโรปอาจขาดแคลน เนื่องจากอินเดียเป็นแหล่งส่งออกสำคัญ
ส่วนข่าวเกี่ยวกับบริษัทน้ำมันสหรัฐฯ นั้น บริษัทเชฟรอน (Chevron) ปิดดีลการซื้อกิจการ เฮสส์ (Hess) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานสหรัฐฯ มูลค่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันศุกร์ หลังชนะคดีสำคัญเหนือคู่แข่งรายใหญ่อย่าง เอ็กซอน โมบิล (Exxon Mobil) ทำให้เชฟรอนได้สิทธิ์เข้าถึงแหล่งน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษนอกชายฝั่งกายอานา
แท็กซ์//