
บล.กรุงศรี มอง SET สัปดาห์นี้ “ไซด์เวย์อัพ” เก็งดอกเบี้ยขาลง ชูหุ้นเด่น KTC–PTTGC–GULF
บล.กรุงศรี ประเมินดัชนี SET สัปดาห์นี้ “ไซด์เวย์อัพ” ในกรอบ 1,246–1,280 จุด รับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และ Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง แนะเก็งกำไรหุ้นเด่น KTC–PTTGC–GULF พร้อมจับตาผลประชุม กนง.วันนี้
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ (13-15 ส.ค.68) ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ประเมินตลาดหุ้นไทย “Sideways-Up” พร้อมให้กรอบแนวรับที่ 1246-1231 จุด และแนวต้าน 1272-1280 จุด
ทั้งนี้ มีปัจจัยมาจากแรงหนุนตลาดฟื้นตัว คือ การให้น้ำหนักวงจรดอกเบี้ยขาลง ไทยติดตามการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในวันนี้ (13 ส.ค.) โดยนักวิเคราะห์คาดลดดอกเบี้ย 0.25%
ขณะที่จุดถ่วงน่าจะอยู่ที่ราคาน้ำมันที่ลงจากฐานสูงช่วงสงคราม มิ.ย.68 และภาคแรงงานที่อ่อนลง ชดเชยผลกระทบภาษีการค้า หนุนสภาพคล่องและความต่อเนื่อง Fund Flows สลับจากสหรัฐฯ สู่ประเทศเกิดใหม่ (EM) หุ้นนำ เน้นหุ้น Big Cap อิงดอกเบี้ยขาลง (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ เทคโนโลยี High Yield หนี้สูง) ผสาน หุ้น China Plays เก็งความคืบหน้าเจรจาการค้าสหรัฐฯ – จีน และกลุ่มที่ Laggard (ค้าปลีกและร.พ.)
ส่วนปัจจัยเด่นที่น่าติดตามในสหรัฐนักลงทุนจับตาผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน รวมถึงประเทศคู่ค้าอื่นที่ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางการค้าโลกและกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย นอกจากนี้วันที่ 15 ส.ค.68 ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มหาวิทยาลัยมิชิแกน (ครั้งแรก) เดือนสิงหาคม คาดอยู่ที่ 62.3 จุด จากครั้งก่อน 61.7 จุด ยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคม คาดเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (ครั้งก่อนเพิ่มขึ้น 0.6%) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม คาดทรงตัว 0.0% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (ครั้งก่อนเพิ่มขึ้น 0.3%)
ส่วนปัจจัยที่น่าติดตามในจีนวันที่ 15 ส.ค.68 ติดตามผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม คาดเพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (จากครั้งก่อนเพิ่มขึ้น 6.8%) นอกจากนี้ติดตามยอดค้าปลีก คาดเพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (ครั้งก่อนเพิ่มขึ้น 4.8%) และติดตาม การลงทุนสินทรัพย์ถาวร (สะสมตั้งแต่ต้นปี) คาดเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (ครั้งก่อนเพิ่มขึ้น 2.8%)
ด้านปัจจัยในประเทศที่น่าจับตาที่ (13 ส.ค.) ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดย บล.กรุงศรี คาดว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.50% นอกจากนี้ติดตามสภาผู้แทนราษฎรกำหนดพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 2 และ 3
อีกทั้งติดตามผลประกอบการไตรมาส 2/2568 รายกลุ่ม Real Sector โดยหุ้นที่คาดว่ากำไรจะออกมาดี (เติบโตทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ได้แก่ CPF, BCH, KLINIQ, LH, CHG, TASCO และ BBIK
อย่างไรก็ตาม บล.กรุงศรี ประเมินกำไรต่อหุ้นตลาด ปี 2568 (SET EPS) อยู่ที่ 88.37 บาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน กลุ่มที่ถูกปรับลดคาดการณ์กำไร ได้แก่ ปิโตรเคมี,บันเทิง ส่วนกลุ่มที่ถูกปรับเพิ่มคาดการณ์กำไร ได้แก่ ขนส่ง และเกษตรกรรม
ขณะที่กระแสเงินทุน (Fund Flow) สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) 2,653 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในไทยเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 288 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น ซื้อหุ้น 199.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตร 88.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินบาทแข็งค่าเทียบสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 32.30 บาท
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนและหุ้นเด่นประจำสัปดาห์นี้ แนะนำ KTC, PTTGC, GULF
โดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC แนะนำราคาเป้าหมาย 40 บาท เนื่องจากเป็นหุ้น Deep Value และตลาดให้นํ้าหนักวงจรขาลงโลก+ไทยเป็นแรงหนุน
ส่วนบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC แนะนำราคาเป้าหมาย 28 บาท โดย สหรัฐฯ- จีนเจรจาการค้าและ จีนลดซัพพลายอุตสาหกรรม + Deep Value
ด้านบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แนะนำราคาเป้าหมาย 56.50 บาท โดยมองเป็น หนึ่งในเป้าหลัก Fund Flows และดอกเบี้ย ขาลง รวมทั้ง เงินบาทแข็งหนุน
นอกจากนี้แนะนำหุ้นเด่นในไตรมาสที่ 3/2568 แนะนำ PTTGC, IVL, CPALL, WHA, GULF, BDMS, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ในส่วนของหุ้นกลุ่มขนาดเล็ก บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW