
เกิดอะไรขึ้น: เคสปั่นหุ้นที่มักพ้นผิด หลังตลท.-กลต.เจอหลักฐานมัดแน่น แต่หลุดหลังสั่งฟ้อง
หลายครั้ง และหลายเคส ที่เราเห็นการส่งต่อ “เคสความผิด” จาก ฝ่ายตรวจสอบของ ตลท. ไปยัง ก.ล.ต. ของบรรดาผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน
หลายครั้ง และหลายเคส ที่เราเห็นการส่งต่อ “เคสความผิด” จาก ฝ่ายตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของบรรดาผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ผู้บริหารโบรกเกอร์ เจ้าหน้าที่การตลาด หรือแม้แต่ผู้ลงทุน ที่ฝ่าฝืน, กระทำการที่ขัดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยถูกกล่าวโทษ ทั้งทางคดีแพ่ง และอาญา
ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่มีความหละหลวม จากการตรวจสอบภายในบริษัทเอง, การใช้ข้อมูลภายใน (Insider trading, Front run) ฯลฯ
โดยบทลงโทษ มีทั้งการประจาน, การกล่าวโทษ, เปรียบเทียบปรับ และการส่งฟ้องต่อ บก.ปอศ., อัยการ, DSI, ปปง. และสอบสวนกลาง (CIB)
การส่งฟ้องกับหน่วยงานเหล่านี้ อาจจะเป็น การส่งฟ้องคดีทางแพ่ง หรืออาญา หากมีการสู้คดี ในกรณีที่เป็นเคสใหญ่ ๆ หรือมีความเสียหายในวงกว้าง รวมถึง เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงนั้น
พอระยะเวลาผ่านไป ในเวลาต่อมาไม่นาน จะมีเพียงบางเคส ที่เรามักจะได้ยินข่าวปากต่อปาก หรือ เห็นการประกาศชัยชนะ หลังมีหนังสือ แจ้งคำสั่งเด็ดขาด “ไม่ฟ้อง” ในเรื่องที่ ก.ล.ต.กล่าวโทษ โพสต์ผ่านสื่อโซเชียล หรือ อาจจะจ้างสื่อลงโฆษณาเพื่อฟอกขาว สร้างความบริสุทธิ์ให้กับตนเอง
แต่ถ้าหากได้ย้อนกลับไปอ่าน statement ของ สำนักงาน ก.ล.ต. case by case ที่มีการกล่าวโทษ ตั้งแต่บรรทัดแรกจนจบ
เรายังไม่เห็นข้อกล่าวหา บรรทัดไหน ที่จะเป็นช่องโหว่ ที่จะทำให้ผู้ถูกกล่าวโทษ สามารถหลุดรอด หรือพ้นข้อกล่าวหาได้เลย
สำหรับประเด็นดังกล่าว ที่ต้องการจะสื่อสาร คือ เมื่อใด ทางสำนักงาน ก.ล.ต.จะสามารถมีอำนาจสั่งฟ้องในคดีที่กล่าวโทษได้เอง?
เนื่องจาก ความแน่นอน และแม่นยำ ในการ “ชี้เป้า” ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
การหยิบข้อกฎหมายหลักทรัพย์ มา “บังคับใช้” ของ สำนักงานก.ล.ต. ที่ทำคู่ขนานกันไปมานานแล้วย่อมต้องมีความชำนาญกว่า และอย่างยากที่จะปฏิเสธ เพราะเป็นหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงาน
การที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต. ไม่ประนีประนอม ที่จะขุดค้นหลักฐาน และพร้อมการกล่าวโทษ ที่มีหลักฐานมัดแน่น จนสรุปความเพื่อกล่าวโทษได้
ถือเป็นหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ที่ดีของสองหน่วยงานดังกล่าว ที่ได้มุ่งมั่นที่จะสร้างบรรทัดฐาน ความยุติธรรม ให้กับ สังคม และคนในแวดวงตลาดทุน
แต่กลายเป็นว่า เราได้เห็นบางเคสที่มีหลักฐานคามือ และแวดล้อมเต็มไปด้วยการกระทำผิด แต่ก็สามารถหลุดรอดไปได้
ทางออกที่น่าจะสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาดังกล่าว คือ
“การให้อำนาจ ก.ล.ต.สั่งฟ้องเองได้” จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝั่งตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. จะได้ทำงานไม่เหนื่อยเปล่า”
อีกทั้ง ยังถือเป็นการกำราบ “เหลือบไร” ที่คิดจะคอยเอาเปรียบผู้ลงทุนอื่น ได้เห็นตัวอย่าง “ผลของการกระทำ” และเกิดความยำเกรง จนหยุดแผนกระทำความชั่วร้าย ที่จะทำให้เกิดเป็นรอยด่างในตลาดทุน
แนวทางดังกล่าว ถือว่า ดีกว่าที่จะไปหาเครื่องมือตรวจจับที่ทันสมัย และเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
รวมถึงเป็นการป้องปราม หรือ “เชือดไก่ให้ลิงดู” โดยใช้ความแม่นยำของการกล่าวโทษ ที่ไม่ผ่อนปรน ในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพ มาเดินเกม
ในทางกลับกัน หากยังมีเคส ที่ออกมาเชิดหน้าชูตา ประกาศให้ชาวโลกรู้ความบริสุทธิ์ว่า “ตนไม่ได้กระทำผิด” จากการสั่งไม่ฟ้อง อยู่บ่อย ๆ นั้น
ในอนาคต เราอาจจะเห็น คนที่คิดอยากเดินทางเส้นทางโจรนี้ กระทำการกอบโกย และเอาเปรียบผู้ลงทุนในตลาดหุ้นเกิดขึ้นซ้ำ ๆ อีกเป็นแน่แท้
อึ้งย้ง