
“กลุ่มการบิน” งบไตรมาส 2 แกร่ง! THAI ท็อปฟอร์มฟาดกำไร 1.2 หมื่นล้าน โต 30 เท่า
3 หุ้นสายการบินกวาดกำไรไตรมาส 2/68 เติบโตแกร่ง! THAI โตทะลัก 3,860.38% แตะ 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ AAV แตะ 214 ล้านบาท โต 155% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นในกลุ่ม “สายการบิน” จำนวน 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV, บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI หลังจากที่ล่าสุดรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามตารางดังกล่าว
ทั้งนี้ THAI รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12,124.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,860.38% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 306.14 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) จำนวน 44,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 847 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.9% โดยรายได้หลักมาจากค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน
โดยมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 15.6% และปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 9.7% จากการกลับมาให้บริการเส้นทางยุโรป
ด้านรายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์คิดเป็น 9.9% ของรายได้รวม อยู่ที่ 4,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230 ล้านบาท (+5.6%)
ขณะที่บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) อยู่ที่ 34,648 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3,408 ล้านบาท หรือ 9.0% โดยค่าน้ำมันเครื่องบินอยู่ที่ 11,278 ล้านบาท คิดเป็น 32.6% ของค่าใช้จ่ายรวม ลดลง 2,464 ล้านบาท (-17.9%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ลดลง 15.4% และเงินบาทแข็งค่าจาก 36.71 เป็น 33.11 บาทต่อดอลลาร์ แม้ปริมาณการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นจากเที่ยวบินที่มากขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานไม่รวมน้ำมัน อยู่ที่ 23,370 ล้านบาท ลดลง 944 ล้านบาท (-3.9%)
โดยไตรมาสนี้ บริษัทฯ รับรู้กำไรพิเศษจากการยกเลิกสัญญาเช่าเครื่องบินจำนวน 4,980 ล้านบาท จากการซื้อเครื่องบิน Boeing 777-300ER จำนวน 4 ลำที่เคยเช่าดำเนินงาน นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,190 ล้านบาท แบ่งเป็น Unrealized FX Gain 1,047 ล้านบาท และ Realized FX Gain 143 ล้านบาท จากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์และเยน ณ สิ้นไตรมาส รวมถึงการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าตาม TFRS 9 จำนวน 10 ล้านบาท และกำไรจากการขายสินทรัพย์อื่นๆ 2 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรจากการดำเนินงานไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว จำนวน 6,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 501% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,129 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานโดยรวม EBITDA ในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 13,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,158 ล้านบาท หรือ 45.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมลดลงจาก 86.5% เป็น 77.3% และ CASK (ไม่รวมค่าน้ำมัน) ลดลงจาก 1.5203 บาท เหลือ 1.3315 บาท ส่งผลให้ผลประกอบการปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสนี้
ส่วน AAV รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 214.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154.83% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 84.07 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 11,349.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้อื่นอยู่ที่ 1,528.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 694% โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1,324.4 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมาอยู่ที่ 32.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จาก 37.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 10,657.8 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยต้นทุนขายและบริการอยู่ที่ 9,737.0 ล้านบาท ลดลง 2% และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 12% มาอยู่ที่ 3,504.0 ล้านบาท จากราคาน้ำมันอากาศยานที่ลดลงเหลือ 81 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จาก 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปีก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นอยู่ที่ 67.4 ล้านบาท ลดลง 77% จากไตรมาส 2/2567 ซึ่งมีบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะที่ BA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 401.75 ล้านบาท ลดลง 43.59% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 712.22 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากรายได้รวม 5,735.1 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 จำนวน 61.20 ล้านบาท หรือ 1.10% ผลจากการลดลงของรายได้บัตรโดยสารเป็นหลัก
โดยบริษัทฯมีรายได้จากบัตรโดยสารจากธุรกิจสายการบิน จำนวน 3,620.0 ล้านบาท ลดลง 185 ล้านบาท หรือ 4.90% จากปี 2567 เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่ให้บริการลดลง 3% และราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยปรับตัวลดลงร้อยละ 2.60% อยู่ที่ 3,894.5 บาทต่อเที่ยวบิน
สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ประกอบกับเป็นช่วงการท่องเที่ยวนอกฤดูกาลในไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทฯ ขนส่งผู้โดยสารจำนวน 0.90 ล้านคน มีปริมาณที่นั่งให้บริการ 1.30 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้น 5.10% จากไตรมาส 2 ปี 2567 ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 69.60%