
ERW นับหนึ่งใหม่.!?
ต๊กกะใจไม่น้อยทีเดียวที่จู่ ๆ ERW แจ้งข่าวสารผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าด้วยเรื่องการต่อสัญญาเช่าที่ดินโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ล่าช้า..!!
ต๊กกะใจไม่น้อยทีเดียวที่จู่ ๆ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW แจ้งข่าวสารผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าด้วยเรื่องการต่อสัญญาเช่าที่ดินโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ล่าช้า..!!
แหม๊…จะไม่ให้ต๊กกะใจได้ไงในเมื่อโรงแรมแห่งนี้ ถือเป็นตราสัญลักษณ์ และเป็นหน้าเป็นตาของ ERW ก็ว่าได้
เนื้อหาสาระสำคัญระบุว่า โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เริ่มเปิดดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2530 ซึ่งมีสัญญาเช่าที่ดิน 30 ปี และได้สิทธิต่ออายุสัญญาเช่าได้อีก 20 ปี โดยบริษัทได้ใช้สิทธิขอต่ออายุสัญญาฉบับเดิมมาตั้งแต่ปี 2558
แต่รัฐวิสาหกิจคู่สัญญา แจ้งว่าการต่ออายุสัญญาฉบับเดิม จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในระหว่างนี้ มีการทำบันทึกข้อตกลงเพื่อให้โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นในระหว่างที่รอ
แต่นั่งรอก็แล้ว นอนรอก็แล้ว จนเวลาล่วงเลยมา 10 ปีแล้ว ก็ยังไม่สามารถต่อสัญญาได้ เนื่องจากหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ซึ่ง ERW คงประเมินแล้วว่า หากปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป สุ่มเสี่ยงที่จะไม่ได้ต่ออายุสัญญาแหง ๆ เลยเป็นที่มาของการฟ้องศาลเพื่อเร่งรัดให้หน่วยงานรัฐต่อสัญญาเช่าที่ดินโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณให้แล้วเสร็จ
อยากรู้กันแล้วใช่มั้ยว่า รัฐวิสาหกิจคู่สัญญาคือไผ..??
บอกให้ก็ได้ว่า เป็นบริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 84.08% รองลงมาคือ บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด สัดส่วน 12.5% และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นสัดส่วน 1.25%
ถ้าย้อนไปดูรากเหง้าของบริษัท สหโรงแรมไทยฯ ก็น่าสนใจนะ เกิดขึ้นจากแนวความคิดในการปรับปรุงพัฒนาบ้านเมือง หลังภัยสงครามโลกครั้งที่สอง ในรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ซึ่งในขณะนั้น พลโท ประยูร ภมรมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เสนอให้มีการก่อสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2495 เพื่อเตรียมรองรับการประชุมสหภาพรัฐสภา สมัยที่ 45 ในปี 2499
บริษัท สหโรงแรมไทยฯ จึงได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารโรงแรมสูง 4 ชั้น ด้วยเงินงบประมาณ 75 ล้านบาท มีจำนวนห้องพัก 250 ห้อง โดยใช้ชื่อว่า “โรงแรมเอราวัณ” เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2499
กระทั่งในปี 2528 มีการปรับปรุงกิจการโรงแรมเอราวัณ และดึงภาคเอกชนเข้าร่วมทุน จัดตั้งบริษัท โรงแรมเอราวัณ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน และเปิดบริการใหม่ในวันที่ 3 ธ.ค. 2534 โดยใช้ชื่อ “โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ” เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว สูง 22 ชั้น ตั้งอยู่แยกราชประสงค์ บนเนื้อที่ 9 ไร่ 3 งาน 98.5 ตารางวา
กลับมาที่ ERW การไม่ได้ต่อสัญญาเช่าที่ดินจึงถือเป็นความเสี่ยงมั๊ก ๆ…
ก็ไม่รู้ว่าการที่บริษัท สหโรงแรมไทยฯ ยื้อไม่ต่อสัญญา เป็นเพราะต้องการให้เปิดประมูลใหม่ หรือต้องการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาอย่างมีนัยสำคัญหรือเปล่า..??
อย่าลืมว่า ราคาที่ดินเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว กับราคาที่ดิน ณ วันนี้ต่างกันหน้ามือกับหลังมือเลยนะจิบอกให้…
สัญญาเดิมกำหนดค่าเช่าเป็นรายปีและปรับขึ้นทุก 10 ปี โดย 10 ปีแรก ตั้งแต่ปี 2534-1 ก.ค. 2544 อยู่ที่กว่า 7 ล้านบาทต่อปี ระยะที่ 2 ระหว่าง 2 ก.ค. 2544-1 ก.ค. 2554 ค่าเช่าปีละ 10.92 ล้านบาท และระยะที่ 3 ตั้งแต่ 2 ก.ค. 2554-1 ก.ค. 2564 ค่าเช่าปีละ 14.12 ล้านบาท
แต่ในช่วงที่ผ่านมา ราคาที่ดินตรงหัวมุมถนนเพลินจิตที่แยกราชประสงค์ปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2565 ราคาอยู่ที่ 3.5 ล้านบาทต่อตารางวา ปี 2566 อยู่ที่ 3.6 ล้านบาทต่อตารางวา และปี 2567 อยู่ที่ 3.75 ล้านบาทต่อตารางวา
ดู ๆ แล้วการที่ ERW หวังตีตั๋วเด็กต่อไปคงยาก…วิธีเดียวที่จะได้ไปต่อ คือต้องเสนอเงื่อนไขให้จูงใจกว่าเดิมหลาย ๆ…
ที่สำคัญต้องไม่ปล่อยให้เกิดการประมูลใหม่ เพราะด้วยทำเลดังกล่าวที่อยู่ใจกลางเมืองย่านเศรษฐกิจสำคัญ บรรดาเจ้าสัวทั้งหลายคงจ้องตาเป็นมันเลยล่ะ ก็ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้น ERW จะสู้ราคาไหวหรือเปล่า..??
ว่าไปแล้วเคสลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นกับกลุ่มเซ็นทรัล ในการต่อสัญญาเช่าที่ดินห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มาแล้วช่วงปี 2551…ยื้อกันไปยื้อกันมา สุดท้ายกลุ่มเซ็นทรัลต้องยอมจ่ายค่าเช่าให้กับ รฟท.มากขึ้น เลยทำให้ได้ไปต่อ
ต่างกรรมแต่วาระเดียวกัน…ทางรอดของ ERW คงหนีไม่พ้นต้องจ่ายให้หนักขึ้นแหละ…
เอวังด้วยประการฉะนี้..!!
…อิ อิ อิ…