
“พิชัย” ร่วมเวที CEO Networking Night ชี้เศรษฐกิจไทยยังแกร่ง ลุ้นครึ่งปีหลังโตต่อ
“พิชัย นริพทะพันธุ์” ชี้เศรษฐกิจไทยยังแข็งแรง ครึ่งปีแรกโต 3% พร้อมเชิญชวน CEOs ลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค–PCB–เซมิคอนดักเตอร์ ย้ำการเมืองต้องนิ่ง เศรษฐกิจไทยจึงฟื้นตัวได้เต็มศักยภาพ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาในงาน CEO Networking Night จัดโดยสมาคมวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไทย (THECA) ระบุว่า ตนให้ความสนใจในอุตสาหกรรมการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Boards–PCB) และเซมิคอนดักเตอร์มานาน อีกทั้งมีโอกาสพบปะผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก จึงได้ชักชวนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากเห็นว่าเป็นโอกาสสำคัญในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการส่งออก โดยเฉพาะอุตสาหกรรม PCB ที่เติบโตจนติดอันดับโลก และก่อให้เกิดการต่อยอดสู่ Ecosystem ของอุตสาหกรรม Hi-Tech เช่น Data Center, AI, AI Hardware และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง
โดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 2.8% ส่งผลให้ครึ่งปีแรกเติบโต 3% สูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ พร้อมย้ำว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวเกิน 2% แน่นอน โดยมีแรงหนุนจากการส่งออกที่ขยายตัว 15% ในครึ่งปีแรก และการลงทุนที่ยื่นขอส่งเสริมแล้วกว่า 1.05 ล้านล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีมูลค่า 1.14 ล้านล้านบาทและลงทุนจริงเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ การเจรจาภาษีทรัมป์ที่ประสบผลสำเร็จ โดยไทยได้รับอัตราภาษี 19% เทียบเท่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการค้าการลงทุน
ทั้งนี้ นายพิชัย ได้ชื่นชมทีมงานกระทรวงพาณิชย์ นำโดย นายวุฒิไกร ลีวีระพันธ์ ปลัดกระทรวง นางโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้า และนางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่ร่วมกันผลักดันจนการเจรจาประสบผลสำเร็จตามที่รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร มอบหมายตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ตาม เขาเสนอว่ารัฐบาลต้องเร่งหามาตรการเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้โครงสร้างเศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้
สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องทำหลายด้านควบคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ เช่น PCB, เซมิคอนดักเตอร์, Data Center, EV, Robotics ควบคู่กับการยกระดับเกษตรกรรมด้วย Food Innovation และสินค้า GI เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร รวมถึงการพัฒนาการศึกษา ผลิตบุคลากรวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ที่รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม Hi-Tech และการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารนโยบายการเงิน เพื่อให้ค่าเงินบาทและอัตราดอกเบี้ยเอื้อต่อการแข่งขันของธุรกิจไทย และมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับ SMEs พร้อมทั้งการแก้ปัญหาหนี้ ปัญหาค่านิยมที่บิดเบือน อัตราการเกิดที่ต่ำ และรายได้ภาครัฐที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยเฉพาะการเมืองที่ต้องมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อความมั่นใจและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ