
GUNKUL ลุยพลังงานสะอาด-Data Center มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 1 หมื่นล้านบาท
GUNKUL วางเป้ารายได้รวมปี 2568 แตะ 10,000 ล้านบาท หนุนจากกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมและโซลาร์เฟสใหม่ พร้อมรับรู้รายได้งาน EPC กว่า 4,000 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/68 พร้อมรุกธุรกิจ Data Center เสริมศักยภาพพลังงานสีเขียวและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นางนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 484.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 461.87 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากการดำเนินธุรกิจหลักที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอยางยิ่งจากการดำเนินธุรกิจธุรกิจพลังงาน ทั้งโครงการพลังงานลม โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน รวมถึงโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาที่ทำสัญญากับลูกค้าภาคเอกชน
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 2568 จะมีทิศทางเชิงบวกต่อเนื่อง โดยคาดว่า พลังงานลมจะเป็นแรงหนุนสำคัญ จากการผลิตไฟฟ้าที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ขณะเดียวกันงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทในธุรกิจ EPC จะทยอยรับรู้ในไตรมาส 4 ปี 2568 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรายได้และผลกำไร
สำหรับโครงการในเฟส 2.1 โดยเฉพาะพลังงานลมขนาด 284 เมกะวัตต์ ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้เดินหน้าเซ็นสัญญา PPA ได้ทันที ถือเป็นโครงการสำคัญที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพการผลิตไฟฟ้าในอนาคต ขณะที่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์อีกกว่า 30 เมกะวัตต์ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาต่อรองราคาภายในกรอบเวลาที่ กพช. กำหนดไว้
หากรวมโครงการในเฟส 2.1 เข้ากับกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 1,260 เมกะวัตต์ จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็นราว 1,544 เมกะวัตต์ โดยมีจุดแข็งจากโครงการพลังงานลมที่มี Capacity Factor สูงกว่าโซลาร์ประมาณ 1.5 เท่า จึงสามารถสร้างรายได้ต่อเมกะวัตต์ได้มากกว่าและส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้บริษัทเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าประมูลหรือทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง (Direct PPA) เพิ่มเติมอีก 1,000–2,000 เมกะวัตต์ในอนาคต เพื่อเสริมฐานการเติบโตให้แข็งแกร่งต่อเนื่อง
กลยุทธ์การเงิน GUNKUL เตรียมใช้การร่วมทุน (JV) และการปรับโครงสร้าง (Un-consolidation) เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโต ลดภาระหนี้ และสร้าง Room for Growth โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตอีก 1,000–3,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2574 พร้อมทั้งวางแผนรีไฟแนนซ์หนี้ที่ครบกำหนดในปีนี้และปีหน้า เพื่อให้ได้ต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมที่สุด
ด้านตลาดต่างประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาลงทุนในหลายประเทศ ทั้งฟิลิปปินส์ ไต้หวัน เวียดนาม และญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าของบางโครงการภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยต่อยอดการเติบโตนอกประเทศไทย อีกหนึ่งแรงหนุนคือ โครงการโซลาร์รูฟอยู่อาศัย (Residential Solar Rooftop) ที่ได้รับผลบวกจากมาตรการภาษีใหม่ของภาครัฐ ลดหย่อนภาษีสูงสุด 200,000 บาท คาดว่าจะกระตุ้นการติดตั้งโซลาร์ในครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันมีการติดตั้งเพียง 1.6% ของศักยภาพตลาดรวมกว่า 121,000 เมกะวัตต์ โดย GUNKUL มีความพร้อมทั้งด้านประสบการณ์และพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่จะรุกตลาดนี้อย่างจริงจัง
ในส่วนธุรกิจ EPC บริษัทมี Backlog กว่า 4,000 ล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งจะรับรู้ในปีนี้ และที่เหลือตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป มูลค่าตลาดรวมสูงถึง 66,000 ล้านบาท ซึ่งเปิดโอกาสให้ GUNKUL เข้าประมูลและชนะโครงการใหม่ ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในระยะข้างหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าเข้าสู่ ธุรกิจ Data Center โดยมีบทบาทจัดหาพลังงานสีเขียว ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และร่วมลงทุนกับพันธมิตร มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลาง Data Center ในภูมิภาค ด้วยความพร้อมด้านระบบไฟฟ้า Fiber 5G และแหล่งน้ำที่มั่นคง ขณะที่นโยบาย Direct PPA จะเป็นตัวเร่งให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนเร็วขึ้น
ด้านเป้าหมายทางการเงิน บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2568 อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท และคาดว่ากำไรหลัก (Core Profit) จะเติบโตใกล้ 20% โดยมองว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังจะยังคงหนุนให้ภาพรวมทั้งปีเติบโตระดับสองหลัก (Double Digit Growth) แม้ใช้สมมติฐานเชิงอนุรักษ์นิยม สะท้อนความมั่นคงและความพร้อมในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง