TPIPL กับดัก ‘กรรมเก่า’.!

ช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวใหญ่อึกทึกครึกโครม กรณีมีอีกหนึ่งเจ้าสัวถูกศาลสั่งจำคุก หลังจากเมื่อปี 2564 “เจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต” เคยถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในคดีฆ่าเสือดำมาแล้ว


ช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวใหญ่อึกทึกครึกโครม กรณีมีอีกหนึ่งเจ้าสัวถูกศาลสั่งจำคุก หลังจากเมื่อปี 2564 “เจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต” เคยถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในคดีฆ่าเสือดำมาแล้ว แม้จะต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ในยุคนี้เราได้เห็นเจ้าสัวนอนคุกนอนตะรางจริง ๆ นะ..!?

มาคราวนี้เป็นคิว “เจ้าสัวประชัย เลี่ยวไพรัตน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ซึ่งถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาจำคุก 8 ปี คดีออกเอกสารปลอมที่ดินสระบุรี รุกป่าทำเหมืองปูน

โอเค…ในส่วนของตัว “เจ้าสัวประชัย” คงต้องไปสู้คดีกันต่อไป…

แต่ถ้าวกกลับมาที่ TPIPL ในฐานะจำเลยที่ 3 ก็ต้องชดใช้กรรมเก่า หรือสิ่งที่กระทำไปก่อนหน้านี้ในแง่ของการละเมิดกฎหมายเช่นกัน นั่นคือ การประกอบกิจการนอกเขตที่ได้รับประทานบัตรในการทำเหมืองแร่ แน่นอนว่าผู้ถือหุ้น TPIPL ก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สะท้อนได้จากราคาหุ้นช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วปรับลดลงต่อเนื่อง 3 วันซ้อนรวมเกือบ 10% ล่าสุดวานนี้ (26 ส.ค. 2568) ปรับลดลงอีก 7.41% ปิดตลาดที่ 0.75 บาท

โดยกรรมเก่าที่ TPIPL ต้องชดใช้มี 2 คดีด้วยกัน…คดีแรก ศาลพิพากษาให้บริษัทฯ นำแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ จำนวน 31,522,374.26 เมตริกตัน ไปถมกลับคืนพื้นที่เดิมที่ทำเหมืองแร่พิพาท พร้อมฟื้นฟูสภาพพื้นที่ทำเหมืองที่เอาแร่ไปให้กลับคืนดังเดิม หรือให้ชำระเงินเป็นจำนวน 3,782.69 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย นับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

ส่วนคดีที่สอง พิพากษาให้บริษัทฯ นำแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ จำนวน 2,447,906.76 เมตริกตัน ไปถมกลับคืนพื้นที่เดิมที่ทำเหมืองแร่พิพาท พร้อมฟื้นฟูสภาพพื้นที่ทำเหมืองที่เอาแร่ไปให้กลับคืนดังเดิม หรือให้ชำระเงินเป็นจำนวน 293.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย นับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

ศาลให้ 2 ทางเลือกกับ TPIPL ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทางไหน..?? จะเลือกนำแร่หินปูนไปถมกลับคืนพื้นที่เดิมรวม 2 คดีจำนวน 33,970,281.02 เมตริกตัน หรือเลือกชำระเป็นเงินรวม 2 คดีกว่า 4 พันล้านบาท ก็คงกระทบกับผลประกอบการของบริษัทอยู่ดีแหละ…

ซึ่งดูเหมือนว่า TPIPL จะเลือกทางแรกนะ เพราะ ล่าสุดบริษัทฯ แจ้งว่าได้เริ่มปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลโดยการนำแร่หินอุสาหกรรมชนิดหินปูนไปถมกลับคืนยังพื้นที่เดิมแล้ว

สิ่งที่ตามมาจากที่เห็นผลประกอบการในช่วง 3-4 ปีมานี้เริ่มถดถอย โดยปี 2565 มีรายได้รวม 50,525.83 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,007.61 ล้านบาท ปี 2566 รายได้รวมลดลงเหลือ 44,874.51 ล้านบาท กำไรสุทธิลดเหลือ 3,217.87 ล้านบาท ปี 2567 รายได้รวมเหลือ 37,773.84 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,442.50 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้รวม 19,144.23 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,284.49 ล้านบาท 

  งั้นไม่แน่ปีนี้หรือปีหน้าอาจจะเห็น TPIPL พลิกไปขาดทุนก็ได้นะ…ใครจะไปรู้

แหม๊…น่าเสียดายทั้ง ๆ ที่จัดเป็นหุ้นปันผลงามอีกตัวหนึ่ง แต่พอมีกรรมเก่าตามหลอกหลอนแบบนี้ เลยทำให้นักลงทุนพร้อมใจกันถอยดีกว่า…ไม่เอาดีกว่า..!!

ว่าไปแล้วเคส TPIPL ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนให้กับบริษัทต่าง ๆ ได้ตระหนักคิดว่าการทำธุรกิจต้องหยึดหลักกฎหมาย อย่าทำอะไรนอกลู่นอกทาง 

ไม่เช่นนั้น จุดจบอาจไม่สวยก็ได้นะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button