CGSI แนะซื้อ KTB อัพเป้าใหม่ 28.60 บาท แนวโน้มผลงานโตเด่น

CGSI ประเมิน KTB งบดุลแข็งแกร่ง ปรับเพิ่มประมาณการ EPS ปี 68-70 และราคาเป้าหมายใหม่ 28.60 บาท พร้อมแนะนำ “ซื้อ”


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยบทวิเคราะห์เชิงบวกต่อ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยมองว่าการเติบโตของสินเชื่อในปี 2568-2569 มีแนวโน้มเติบโตเกินคาด (upside) จากความต้องการสินเชื่อของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ

รวมถึงสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วน 20% และ 25% ของสินเชื่อรวมในไตรมาส 2/2568 ตามลำดับ ทั้งนี้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 จะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันความต้องการสินเชื่อของภาครัฐ ขณะที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นใน KTB อยู่ 55% จะยังเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ KTB มีงบดุลแข็งแกร่ง โดยอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงเหลือ 3.54% ในไตรมาส 2/2568 จาก 3.90% ในไตรมาส 4/2565 พร้อมกับอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL เพิ่มขึ้นเป็น 194% จาก 180% ในช่วงเดียวกัน สะท้อนการตั้งสำรองเชิงรุกและนโยบายที่ระมัดระวัง (conservative) ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคารที่ศึกษา KTB มีระดับการตั้งสำรองสูงเป็นอันดับสอง รองจากธนาคารกรุงเทพที่ 284%

CGSI ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของ KTB ขึ้น 6.1-10.9% ในปี 2568-2570 จากการปรับสมมติฐานรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเป็น 2.4-10.8% สะท้อนผลประกอบการจริงครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะเติบโตจากกำไรการลงทุนและกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ประเมินด้วยมูลค่ายุติธรรม

ทั้งนี้ ด้านค่าใช้จ่าย CGSI ปรับสมมติฐานอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงเป็น 42.0-42.1% ในปี 2568-2570 จากเดิม 42.8-43.5% สอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคารที่ 40-45% ขณะเดียวกันยังปรับลดสมมติฐานอัตราการตั้งสำรองหนี้สูญในปี 2568 ลงเป็น 119bp จาก 121bp เนื่องจากฐานะการเงินแข็งแรง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงถึง 21.3% ในไตรมาส 2/2568 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากคุณภาพสินทรัพย์ในอนาคต

จากปัจจัยดังกล่าว CGSI จึงปรับราคาเป้าหมายหุ้น KTB ขึ้นเป็น 28.60 บาท จาก 25.00 บาท คิดเป็น P/BV 0.86 เท่าในปี 2568 พร้อมแนะนำ “ซื้อ” โดยให้เหตุผลว่าธนาคารยังมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5.9-6.9% ต่อปี ในปี 2568-2570 สูงกว่าค่าเฉลี่ยธนาคารอาเซียนที่ 5.5-5.7% และมีการประเมินมูลค่า P/BV ที่ 0.72 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 1.37 เท่าในปี 2568 ขณะที่สมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลยังอยู่ที่ 49% ของกำไรสุทธิ

ส่วน downside risk ของ KTB ยังมีอยู่ หากหนี้เสียจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ปัจจัยบวกยังมาจากการขยายตัวของสินเชื่อภาครัฐ-รัฐวิสาหกิจ และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

Back to top button